ลด “เสียงรบกวน” ในบ้านกันเถอะ
Created By RISC | 4 years ago
Last modified date : 2 years ago
เพื่อนๆ เคยสังเกตุบ้างหรือไม่ว่า เวลาที่เราได้ยินเสียงดังๆ เราจะสะดุ้ง ตกใจ และถ้าฟังเสียงดังนั้นไปนานๆ เราจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเฉยๆ หรือทำงาน อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย นั่นเป็นเพราะเสียงมีผลต่อการรับรู้ของสมองและร่างกายของเรา ถ้าเสียงที่ได้ยินนั้นอยู่ในช่วงที่ดีต่อการรับรู้ของสมองจะทำให้เรามีสมาธิ และรู้สึกผ่อนคลาย แต่หากเป็นเสียงดังเกินไป หรือที่เราเรียกว่า “เสียงรบกวน” จะมีผลต่อความรู้สึก ระบบประสาท และสุขภาพของเราไปด้วย
รู้หรือไม่ ... เสียงแค่ไหนที่เรียกว่า “ดัง” ?
ระดับเสียงเกิน 70-75 เดซิเบล เอ (dBA) ขึ้นไป หากฟังอยู่นานๆ ความรู้สึกต่อการได้ยินจะลดความไวลง องค์การอนามัยโลก กำหนดไว้ว่า เสียงที่เป็นอันตราย หมายถึง เสียงที่ดังเกิน 85 เดซิเบล เอ (dBA) ที่ทุกความถี่ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเสียงแค่ไหน เสียงอะไร ที่เรียกว่า “ดังเกินไป” บ้าง
ตารางที่ 1 แสดงระดับความเข้มเสียงจากแหล่งกำเนิดต่างๆ (ตัวหนังสือสีแดง คือ เสียงที่เป็นอันตราย ตามที่องค์การอนามัยโลกกำหนด)
แหล่งกำเนิด |
ระดับความเข้มเสียง(เดซิเบล,dB) |
ผลการรับฟัง |
การหายใจปกติ การกระซิบแผ่วเบา สำนักงานที่เงียบ การพูดคุยธรรมดา เครื่องดูดฝุ่น โรงงาน, ถนนที่มีการจราจรหนาแน่น เครื่องเสียงสเตอริโอในห้อง, เครื่องเจาะถนนแบบอัดลม ดิสโก้เธค, การแสดงดนตรีประเภทร๊อค ฟ้าผ่าระยะใกล้ๆ เครื่องไอพ่นกำลังขึ้นใกล้ๆ จรวดขนาดใหญ่กำลังขึ้นใกล้ๆ |
10 30 50 60 75 80 90 130 150 180 |
แทบจะไม่ได้ยิน เงียบมาก เงียบ ปานกลาง ดัง ดัง รับฟังบ่อยๆ การได้ยินจะเสื่อมอย่างถาวร - ไม่สบายหู - เจ็บปวดในหู แก้วหูชำรุดทันที |
(ที่มา: คลังความรู้สู่ความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์ฯ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.). 2554.)
และ....รู้หรือไม่ว่า เสียงที่ดังเกินไป มีต่อสภาพร่างกายและจิตใจอย่างไร ?
การได้ยินเสียงที่ดังมากเกินไป จะทำให้เราเกิดความรำคาญ รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ เกิดความเครียดทางประสาท ขาดสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และหากเสียงนั้นดังช่วงกลางคืนจะไปรบกวนการนอนหลับ อาการเหล่านี้นานไปจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง อาจก่อให้เกิดอาการป่วยทางกาย เช่น โรคกระเพาะ โรคความดันสูง
และหากได้ยินเสียงดังเกินกว่ากำหนดนานเกินไป อาจทำให้สูญเสียการได้ยิน (ชั่วคราวหรือถาวร)
บ้านของเรามีเสียงดังรบกวนมาจากอะไรบ้าง ?
ดูจากแหล่งที่มาของเสียงแยกได้ 2 แหล่ง คือ เสียงนอกบ้าน ทั้งเสียงรบกวนที่มาจากข้างบ้าน ถนน และเสียงในบ้าน จากห้องติดกันที่ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ห้องดูทีวี ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ หรือแม้แต่เสียงเดิน (ทางเดินของคอนโด) เสียงเหล่านี้เราสามารถปรับปรุงบ้านบางส่วนเพื่อลดความดังให้อยู่ในระดับที่ไม่รบกวนเราได้
เราจะทำให้บ้านของเรา “ไม่มีเสียงดังรบกวน” ได้อย่างไร ?
เราต้องทำการป้องกันเสียงจากแหล่งที่มาของเสียงทั้ง 2 แหล่งข้างต้น ดังนี้
1. การกรองเสียง/ป้องกันเสียงจากภายนอก สามารถทำได้ตั้งแต่การปลูกต้นไม้เป็นแนว เพื่อกรองเสียงรบกวนเข้ามาในบ้านก่อนระดับหนึ่ง ต่อมาก็กั้นเสียงจากภายนอกด้วยส่วนผนัง หลังคา ประตูหน้าต่าง ให้ไม่มีรูหรือช่อง ให้เสียงผ่านเข้ามาได้ และเลือกเปิดหน้าต่างในทิศที่ไม่มีเสียงดังรบกวน
2. การป้องกันเสียงจากภายในบ้าน ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเสียงภายในบ้านมาจากไหนบ้าง เป็นเสียงที่ลอยตามลม ตามอากาศ หรือเป็นเสียงที่มาจากพื้นหรือผนังบ้านเรา ก็สามารถกั้นเสียงเหล่านั้นได้ เช่น
§ เสียงดังผ่านอากาศ เสียงแบบนี้เราต้องปิดรู อุดช่องต่างๆ ที่ทำให้เสียงลอดเข้ามาได้ เช่น ช่องว่างใต้ประตู
§ เสียงดังผ่านผนัง พื้น เสียงแบบนี้เป็นเสียงที่ผ่านมาทางโครงสร้าง ทางที่ดีที่สุดคือ แยกห้องที่คาดว่าจะมีเสียงดังให้อยู่ห่างห้องอื่นๆภายในบ้าน และจัดกลุ่มห้องที่ไม่ต้องการเสียงไปอยู่ด้วยกัน เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน และลดเสียงจากการกระแทกต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียงเดินทางผ่านพื้น ผนัง เช่น ปูพรมทางเดิน
แบ่งปันข้อมูล : ฝ่ายวิจัยและพัฒนา
บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
http://www.whizdomsociety.com/
http://www.magnolia.co.th/FrenchCountry/