เชื่อหรือไม่? PM2.5 สามารถก่อให้เกิดโรคเบาหวาน โรคไต หรือโรคซึมเศร้า
เขียนบทความโดย RISC | 2 ปีที่แล้ว
แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว
ในช่วงหลายปีหลังนี้ ประเทศไทยต้องเจอกับปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน จนดูเหมือนว่าฝุ่นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตประจำวันเราไปแล้ว
หลายคนคงทราบดีอยู่แล้ว ว่าค่าฝุ่นจะมีระดับสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวและมีสถานการณ์ที่เบาบางลงในช่วงฤดูร้อน และหากพิจารณาผลกระทบของ PM2.5 ต่อร่างกายและสุขภาพนั้น จะพบว่ามีหลักฐานงานวิจัยระบุถึงความเสี่ยงทางตรงต่อกลุ่มโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคมะเร็งปอด ซึ่งข้อมูลส่วนนี้อาจจะไม่แปลกใจเท่าไร เพราะเป็นที่เข้าใจได้ง่ายที่มลพิษทางอากาศกับโรคทางเดินหายใจจะสัมพันธ์กัน
แต่เชื่อหรือไม่ ว่ายังมีอีกหลายงานวิจัยที่พบว่า PM2.5 เชื่อมโยงและนำไปสู่ความเสี่ยงให้เกิดโรคอื่นๆ อีกมากมายที่เราคาดไม่ถึง เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคความดันโลหิตสูง หรือแม้แต่โรคจิตเวช
งานวิจัยแรกนี้รายงานว่า การเผชิญกับมลภาวะทางอากาศ เช่น PM2.5 ควันบุหรี่ NO₂ อย่างต่อเนื่อง จะนำไปสู่การเป็นโรคเบาหวานได้ เพราะฝุ่นมลพิษนั้นจะเข้าสู่ร่างกายไปทำลายเซลล์ภายใน ทำให้เกิดการอักเสบและส่งผลต่อสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด (Glucose Homeostasis) เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) และนำไปสู่ความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาพบว่ามลภาวะทางอากาศ เช่น PM2.5 สารโลหะหนัก (สารตะกั่ว สารหนู สารปรอท) พาทาเลต (Pthalate จัดเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่ช่วยเพิ่มคุณสมบัติของพลาสติกให้มีความยืดหยุ่น นุ่มและเหนียว) เมลามีน (พลาสติกชนิดหนึ่งมีสารฟอร์มาลดีไฮด์เป็นส่วนประกอบ) ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสาเหตุการเกิดโรคไตได้ เพราะไตทำหน้าที่ฟอกของเสียออกจากร่างกาย และ PM2.5 นั้นสามารถเข้าถึงภายในร่างกายได้ในระดับเส้นเลือด การที่ไตต้องทำงานหนักและผิดไปจากปกติ ในระยะยาวจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคไตได้
ที่น่าสนใจ คือ นอกจากกลุ่มโรคทางกายภาพแล้ว PM2.5 ยังส่งผลต่อโรคจิตเวชอีกด้วย โดยดูได้จากงานวิจัยนึงที่ระบุว่าเยาวชนอายุ18 ปีที่เผชิญกับปัญหา PM2.5 อย่างต่อเนื่องในละแวกที่อยู่อาศัยตั้งแต่อายุ 12 ปี จะมีอัตราการเกิดโรคทางจิตเวชสูงมากกว่าเยาวชนที่ไม่ได้เผชิญปัญหามลพิษทางอากาศสูงถึง 3 เท่า ซึ่งกลุ่มโรคจิตเวชที่พบในกลุ่มเยาวชน ก็มีตั้งแต่ภาวะซึมเศร้า (Depression) โรควิตกกังวล (Anxiety) พฤติกรรมเกเรรุนแรง (Conduct Disorder) และโรคสมาธิสั้น (ADHD)
จากการยกตัวอย่างงานวิจัยที่กล่าวมา เราจะเห็นได้ว่า PM2.5 นั้นส่งผลต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน ไม่ใช่แค่กลุ่มโรคทางเดินหายใจเท่านั้น ถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID กำลังจะถูกปรับเป็นโรคประจำฤดูกาล แต่ก็อย่าลืมพกหน้ากากอนามัยติดตัว เพื่อป้องกัน PM2. 5 กันด้วย
เนื้อหาโดย คุณ วสุธา เชน สถาปนิกวิจัยอาวุโส และผู้เชี่ยวชาญระดับ LEED AP BD+C, Fitwel Ambassador และ WELL AP, RISC
อ้างอิงข้อมูลจาก
Meo SA, Memon AN, Sheikh SA, et al. Effect of environmental air pollution on type 2 diabetes mellitus. Eur Rev Med Pharmacol Sci. 2015;19(1):123-128.
Tsai HJ, Wu PY, Huang JC, Chen SC. Environmental Pollution and Chronic Kidney Disease. Int J Med Sci. 2021;18(5):1121-1129. Published 2021 Jan 1. doi:10.7150/ijms.51594
Roberts S, Arseneault L, Barratt B, et al. Exploration of NO2 and PM2.5 air pollution and mental health problems using high-resolution data in London-based children from a UK longitudinal cohort study. Psychiatry Research. 2019;272:8-17. doi:10.1016/j.psychres.2018.12.050