มุมเล็กๆ ของช้างตัวใหญ่
เขียนบทความโดย RISC | 2 ปีที่แล้ว
แก้ไขล่าสุด : 1 ปีที่แล้ว
“ช้าง” เป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเรามาอย่างยาวนาน ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน แต่...จะมีใครรู้บ้างว่า ช้างตัวใหญ่ๆ ที่เรารู้จักนั้น มีมุมเล็กๆ ที่คาดไม่ถึงอยู่ งั้นวันนี้เราลองมาร่วมค้นหาความพิเศษนี้ไปด้วยกัน
รู้หรือไม่?
"ช้าง" มีความสามารถพิเศษ ที่สื่อสารระหว่างกันได้ในระยะไกลหลายกิโลเมตร โดยการส่งและรับเสียงความถี่ต่ำ (อินฟราซาวน์) ซึ่งเป็นเสียงดังที่ต่ำกว่าความถี่ที่มนุษย์จะได้ยิน นอกจากการใช้เสียงความถี่ต่ำ ช้างยังมีการสื่อสารกันด้วยการสัมผัส และการรับกลิ่น โดยงวงของช้างนี้แหล่ะ มีบทบาทสำคัญในการปฏิสัมพันธ์กัน ช้างที่คุ้นเคยกันจะทักทายโดยการพันงวงรอบกัน คล้ายกับการจับมือของมนุษย์ และยังใช้งวงในการเกี้ยวพาราสี ช่วยเตือนภัย หรือการยอมแพ้ นอกจากนี้งวงของช้างยังสามารถรับกลิ่นได้ดีและไกล ทำให้รับรู้ถึงอันตรายล่วงหน้าได้อีกด้วย
ผิวหนังของช้างมีสีเทา ความหนาประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร แต่สามารถไวต่อการสัมผัสของแมลงหรือความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมได้ เราจึงมักเห็นช้างคลุกเล่นหรือราดโคลนบนตัวอยู่บ่อยๆ นั่นก็เพราะโคลนเป็นเหมือนกับครีมกันแดดที่ช่วยป้องกันผิวหนังจากแสงแดด ป้องกันแมลงกัดต่อย รวมถึงช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายไว้ได้ ผิวที่ย่นช่วยเพิ่มพื้นที่ในการรักษาความเย็นและกักเก็บความชื้น
หูขนาดใหญ่ของช้างจะช่วยในการรักษาสมดุลของร่างกาย การกระพือหูอย่างต่อเนื่องนั้น ช่วยสร้างลมเบาๆ ขึ้นมา ซึ่งลมนี้สามารถช่วยในการลดอุณหภูมิของหลอดเลือดของช้างได้ และยังมีงานวิจัยที่กล่าวว่า ช้างเพศผู้จะกระพือหูเพื่อช่วยในการกระจายกลิ่นอีกด้วย
สมองของช้างมีความคล้ายคลึงกับสมองของมนุษย์และกลุ่มของวาฬหรือโลมาในแง่ของโครงสร้างและความซับซ้อน จึงทำให้ช้างมีสติปัญญาที่ดีกว่าสัตว์หลายๆ ชนิด สามารถทำเสียง เล่นดนตรี ทำงานศิลปะ มีความรู้สึกนึกคิด มีการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม การแสดงความเห็นใจ และยังมีความเศร้าโศกต่อช้างที่กำลังตายหรือช้างที่ตายแล้วได้อีกด้วย
ช้างจะมีอายุขัยเฉลี่ย 60-70 ปี โดยจะใช้เวลาตั้งท้องนานถึง 22 เดือน และออกลูกเพียงครั้งละ 1 ตัวเท่านั้น ลูกช้างจะเป็นศูนย์กลางความสนใจของกลุ่มครอบครัว และต้องอาศัยแม่ดูแลเป็นเวลานานสุดถึง 3 ปี การใช้ชีวิตในสังคมของช้างแต่ละเพศแตกต่างกันมาก โดยเพศเมียจะใช้เวลาทั้งชีวิตในกลุ่มครอบครัวหรือโขลง ที่มีความสัมพันธ์แน่นหนา ซึ่งจะประกอบด้วยแม่ ลูก พี่น้อง ป้า และน้า ประมาณ 5-15 ตัว กลุ่มเหล่านี้จะถูกนำโดยเพศเมียตัวที่มีอายุมากที่สุด หากกลุ่มมีขนาดใหญ่เกินไปก็จะแตกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ซึ่งสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ คือ ช้างเหล่านี้จะสามารถจำได้ว่ากลุ่มใดที่มาจากสายสัมพันธ์เดียวกัน
ในขณะที่เพศผู้ตัวเต็มวัยใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่อย่างสันโดษตามชายขอบของโขลง และเมื่อเข้าวัยหนุ่ม ช้างเพศผู้จะใช้เวลาไปกับการต่อสู้แย่งชิงความเป็นใหญ่ และจะมีเพียงช้างเพศผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ที่จะสามารถผสมพันธุ์กับตัวเมียได้ ส่วนช้างเพศผู้ที่มีอำนาจน้อยกว่า จะต้องรอคอยจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม
ปัจจุบัน ช้างไทยได้รับผลกระทบจากการสูญเสียที่อยู่อาศัย จากการบุกรุกทำลายป่าไม้ และการทำการเกษตรในถิ่นที่อยู่ของช้างอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความขัดแย้งของช้างป่ากับมนุษย์ให้เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง รวมไปถึงมีการล่าเพื่อลักลอบซื้อขายงาช้างกันอยู่ตลอด ซึ่ง RISC หวังว่ามุมเล็กๆ ของช้างตัวใหญ่เหล่านี้ จะช่วยให้เราทุกคนได้เห็นถึงความน่ารักของช้าง เข้าใจและเห็นใจช้างไทยกันมากขึ้น ว่าเค้าก็มีชีวิตจิตใจและมีความรู้สึกนึกคิดไม่ต่างอะไรจากมนุษย์เราเลย
เนื้อหาโดย คุณ กชกร รัตนมา นักวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ RISC
อ้างอิงข้อมูลจาก
องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
https://elephantvoices.org/
Shoshani, J. (2006) Taxonomy, Classification, and Evolution of Elephants In: Fowler, M. E., Mikota, S. K. (eds.) Biology, medicine, and surgery of elephants. Wiley-Blackwell. ISBN 0-8138-0676-3. Pp. 3–14.