RISC

มองน้ำอย่างรู้คุณค่า

เขียนบทความโดย RISC | 5 ปีที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว

1782 viewer

“น้ำ” เป็นทรัพยากรที่มีค่ายิ่งของโลก

“น้ำ” สร้างคุณประโยชน์ให้กับเรามากมาย 

“น้ำ” เป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิตทั้งปวง

“น้ำ” ก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ

วันนี้ “น้ำ” กลับถูกมองว่าเป็นผู้ทำร้ายมนุษย์ สร้างความเสียหายให้กับบ้านของเรา ประเทศของเรา และเรียกมันว่า “อุทกภัย” “วิกฤตการณ์น้ำท่วม” และกำหนดให้มันเป็น “ภัยพิบัติ” ทางธรรมชาติรูปแบบหนึ่ง 

 

ประเทศไทยได้ประสบกับวิกฤตการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่แม่น้ำสายหลักของประเทศไทย คือ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีน จากข้อมูลปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักในปี พ.ศ. 2554 มีค่าสูงกว่าค่าปริมาณฝนเฉลี่ยของปี พ.ศ.2549 ถึง พ.ศ.2553 ในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ 27,790 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ข้อมูลนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้ เนื่องจากขาดความสัมพันธ์ และสมดุลกันของปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำกับปริมาณน้ำที่ระบายออกในเขื่อนภูมิพลในเวลานั้น เพราะน้ำถูกระบายออกในปริมาณที่ต่ำจนเกิดการสะสมของน้ำมากเกินที่เขื่อนจะรับไหว จึงจำเป็นต้องปล่อยออกไปในปริมาณที่สูงอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมได้ เกิดน้ำท่วมภาคกลางตอนบนรวมถึงกรุงเทพมหานคร ถือเป็นสาเหตุแรกที่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์นี้ เมื่อน้ำฝนที่ตกลงมาในแผ่นดิน หรือน้ำที่ไหลจากภาคกลางตอนบน พฤติกรรมของน้ำปกติจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ จากแม่น้ำระบายลงสู่ทะเล หากมนุษย์สร้างสิ่งก่อสร้างขวางทางระบายน้ำธรรมชาติเดิม ก็จะทำให้น้ำไหลสู่แม่น้ำได้ช้าลง เกิดการท่วมขังในพื้นที่ เมื่อปริมาณน้ำเหนือจำนวนมากต้องการระบายน้ำลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา-ท่าจีนเป็นเส้นทางสุดท้ายก่อนลงสู่ทะเลฝั่งอ่าวไทย เมื่อมีสิ่งกีดขวางมาขวางทางแม่น้ำ ก็จะเกิดการสะสมของมวลน้ำ เมื่อน้ำไม่มีทางไปก็จะดันทางเดิมจนไหลทะลักเข้ามาในแผ่นดิน เกิดการเคลื่อนที่แบบกระจายไม่เป็นทิศทาง ส่งผลให้น้ำท่วมเมือง ดังสถานการณ์ที่ผ่านมา 

จากที่กล่าวมา เราพบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมไม่ได้เกิดจากน้ำเพียงอย่างเดียว น้ำในปีนี้มีปริมาณที่มากขึ้นจริง แต่เรากลับไม่เตรียมความพร้อม ไม่เข้าใจถึงพฤติกรรมของน้ำ และขาดการประสานงานของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำหลังจากน้ำท่วมครั้งนี้นอกจากการซ่อมแซมบ้านเรือน คือ การสังเกตเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และรับมือกับมันอย่างถูกต้อง ทำความเข้าใจ และยอมรับถึงสภาพอากาศที่แปรปรวน ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมามีมากจนทำให้น้ำท่วม ถ้าหากน้ำที่ผ่านเข้ามามีการจัดการที่ดีร่วมกันก็จะผ่านไป สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การสร้างสภาพจิตใจให้กับตนเอง ให้ลุกขึ้นให้ได้ วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนของเราทุกคน ทำให้เราเรียนรู้ที่จะป้องกัน และพร้อมรับมือกับวิกฤตการณ์ครั้งต่อไป และสิ่งที่ควรตระหนักถึงอย่างมากที่สุด คือ “เราใช้ทรัพยากรธรรมชาติฟุ่มเฟือยไปหรือไม่?” จนทำให้โลกเสียสมดุล และเกิดความแปรปรวนทางสภาพอากาศ ฝนที่ตกหนักผิดปกติจนเกิดมีปริมาณน้ำมหาศาลท่วมบนแผ่นดินเหมือนทุกวันนี้ เราควรจะทำอย่างไร เพื่อให้โลกอยู่คู่กับเรานานที่สุด 

และสุดท้าย อยากให้เราทุกคนพิจารณาและไตร่ตรองดูให้ดีว่า “น้ำ” เป็นผู้ทำร้ายมนุษย์ อย่างที่กล่าวขานกันหรือมนุษย์เราต่างหากที่อยู่กับธรรมชาติอย่างเอาเปรียบ จนผลที่เกิดจากกระทำของเรานั้นย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง  หากตระหนักถึงสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาและร่วมใจกันแก้ไข ไม่ว่า “น้ำ” จะกลับมาเยี่ยมเยือนพวกเราอีกกี่ครั้ง เราจะสามารถอยู่ร่วมกับน้ำได้อย่างเข้าใจแน่นอน

 

ณพล  เกียรติก้องมณี (Napol Kieatkongmanee)

ฝ่ายวิจัยและพัฒนา / กลุ่มบริษัท ดีที

 

แนะนำสำหรับคุณ