RISC

ส้วม....มีผลต่อสุขภาพของเรา?

เขียนบทความโดย RISC | 2 วันที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 2 วันที่แล้ว

107 viewer

หากอุจจาระสามารถบอกถึงสุขภาพของเราได้เช่นไร การมีส้วมที่ดี สะอาด ถูกสุขลักษณะ ก็สามารถบอกถึงสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน​

การไม่มีสุขอนามัยที่ดี ขับถ่ายไม่ถูกสุขลักษณะ ขาดการเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาด บริโภคน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรค อาจก่อให้เกิดโรคท้องร่วงได้ จริงอยู่ที่โรคนี้สามารถป้องกันและรักษาได้ แต่ไม่น่าเชื่อว่า โรคท้องร่วงจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ (UNICEF) ได้ระบุไว้ว่า ในแต่ละวันจะมีเด็กกว่า 1,000 คนเสียชีวิตจากโรคนี้ และเสียชีวิตมากกว่า 4 แสนคนในแต่ละปี​

และเพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของสุขอนามัย และสุขลักษณะในการใช้ห้องน้ำให้มากขึ้น องค์การส้วมโลก (World Toilet Organization : WTO) จึงกำหนดให้วันที่ 19 พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันส้วมโลก (World Toilet Day)” ซึ่งได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการรณรงค์กิจกรรมต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน Sustainable Development Goals (SDGs) เป้าหมายที่ 6 ในเรื่องของการสร้างหลักประกันเรื่องน้ำและการสุขาภิบาล ให้มีการจัดการอย่างยั่งยืนและมีสภาพพร้อมใช้ สำหรับทุกคน​

โดยเฉพาะ เป้าหมายย่อย 6.2 เพื่อบรรลุเป้าหมายการให้ทุกคนเข้าถึงการสุขาภิบาล และสุขอนามัยที่พอเพียงและเป็นธรรม รวมทั้งยุติการขับถ่ายในที่โล่ง โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อความต้องการของผู้หญิง เด็กหญิง และกลุ่มที่อยู่ในสถานการณ์เปราะบาง ภายในปี พ.ศ. 2573​

จะเห็นได้ว่า การขาดโอกาสในการเข้าถึงส้วมที่มีคุณภาพได้นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ ของแต่ละคน แต่เป็นปัญหาด้านสุขภาวะระดับชาติ ที่ควรให้ความสำคัญต่อการจัดสรรสาธารณูปโภค และสาธารณูปการอย่างเหมาะสม ทั้งการออกแบบ การก่อสร้างอาคาร การดูแลรักษาห้องน้ำอย่างถูกต้องตามหลักวิชาชีพ และการจัดเตรียมระบบกำจัดสิ่งปฏิกูลอย่างถูกสุขลักษณะ​

กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำคู่มือเกณฑ์มาตรฐานส้วมสาธารณะระดับประเทศ (HAS) เพื่อบรรลุเป้าหมาย 3 ประการ คือ สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนา และยกระดับส้วมสาธารณะไทยให้ได้มาตรฐาน สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย มีรายละเอียดของมาตรฐานเบื้องต้น ดังนี้​

✅ สะอาด (Health) ​
▪ ห้องส้วม ทั้งพื้น ผนัง เพดาน กระจก จะต้องสะอาด ไม่มีคราบสกปรก พื้นห้องส้วมแห้ง ประตู มือจับ กลอนล็อค สะอาด อยู่ในสภาพดี ใช้งานได้​
▪ สุขภัณฑ์ ได้แก่ อ่างล้างมือ ก๊อกน้ำ โถปัสสาวะ โถส้วม สายฉีดชำระ ปุ่มกดชักโครก จะต้องสะอาด ไม่มีคราบสกปรก อยู่ในสภาพดี ​
▪ มีน้ำใช้สะอาดและเพียงพอ​
▪ มีสบู่ล้างมือและกระดาษชำระเพียงพอ ​
▪ มีการระบายอากาศดีและไม่มีกลิ่นเหม็น ​
▪ ถังขยะรองรับมูลฝอย สะอาด มีฝาปิด อยู่ในสภาพดี ไม่รั่วซึม​
▪ ท่อระบายสิ่งปฏิกูลและถังเก็บกักไม่รั่ว แตก หรือชำรุด​
▪ จัดให้มีการทำความสะอาด และระบบการควบคุมตรวจตรา เป็นประจำ​
▪ มีสภาพแวดล้อมที่สวยงาม ส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจ​

✅ เพียงพอ (Accessibility)​
▪ มีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการของผู้ใช้งาน​
▪ รองรับการใช้งานของทุกคน รวมถึง ผู้พิการ ผู้สูงวัย หญิงตั้งครรภ์​
▪ ส้วมสาธารณะพร้อมใช้งานตลอดเวลาที่เปิดให้บริการ​

✅ ปลอดภัย (Safety)​
▪ ห้องส้วมต้องไม่อยู่ในที่ลับตา ไม่เปลี่ยว​
▪ มีการแยกส่วนชาย-หญิง โดยมีป้ายหรือสัญลักษณ์ที่ชัดเจน​
▪ มีแสงสว่างเพียงพอ​

หากทุกพื้นที่สามารถจัดการ และดูแลบำรุงรักษาให้สภาพแวดล้อมของห้องน้ำ และสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดผ่านเกณฑ์มาตรฐานข้างต้น ก็จะเป็นส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมการเข้าถึงการสุขาภิบาล และสุขอนามัยที่พอเพียงและเป็นธรรมให้กับทุกๆ คนได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในหลายภาคส่วนได้ให้ความร่วมมือในการปรับปรุงห้องน้ำห้องส้วมเป็นอย่างดี แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังต้องสร้างการตระหนักรู้เพิ่มขึ้น และปรับปรุงแก้ไขให้ผ่านเกณฑ์ได้มากขึ้น​

จากข้อมูลรายงานผลการประเมินส้วม ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยสำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 พ.ย. 2568) จากการตรวจประเมินห้องน้ำสาธารณะ 7,461 แห่ง พบว่า มีห้องน้ำที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานจำนวน 6,999 แห่ง และยังไม่ผ่านเกณฑ์อีก 462 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 6 ของจำนวนห้องน้ำสาธารณะทั้งหมดที่เข้ารับการประเมิน และประเภทอาคารที่มีจำนวนห้องน้ำไม่ผ่านเณฑ์มากที่สุด ได้แก่ ศาสนสถาน โรงเรียน สถานที่ราชการ และร้านอาหาร ซึ่งควรต้องเข้มงวดและให้ความใส่ใจมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นสถานที่รองรับการใช้งานของกลุ่มเด็ก และผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ควรต้องพิจารณาปรับปรุงแก้ไข ก่อนเกิดปัญหาเชิงสุขภาพอื่นๆ ตามมา​

แผนภูมิแสดงผลการประเมินส้วม ประจำปี พ.ศ. 2568
ที่มา: สำนักอนามัยสิ่งแวดล้อม กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 

ไม่เพียงอาคารสาธารณะที่ควรต้องพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเท่านั้น บ้านที่อยู่อาศัยในแต่ละครัวเรือนก็ควรคำนึงความสะอาด และสุขอนามัยเช่นเดียวกัน รวมถึงเรื่องพื้นฐาน อย่างเช่น การล้างมือ ดังจะเห็นได้จากข้อมูลสถิติจำนวนครัวเรือนที่มีสถานที่เฉพาะสำหรับล้างมือ มีน้ำพร้อมสบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้น และเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และควรจะต้องส่งเสริม และติดตามผลอย่างต่อเนื่อง​

แผนภูมิแสดงสัดส่วนของประชากรที่ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกในการล้างมือด้วยสบู่ และน้ำ
ที่มา : สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 

เรื่องส้วมๆ อย่ามองข้าม และละเลย เพราะมีผลโดยตรงต่อสุขภาวะที่ดีของทุกคน โดยเริ่มต้นง่ายๆ เริ่มที่ตัวเรา เริ่มต้นที่บ้านของเรา​

เนื้อหาโดย คุณ สริธร อมรจารุชิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการ RISC