Knowledge - RISC

Knowledge

is Power

บทความเด่น

อย่ารีบทำร้ายงูเขียวพระอินทร์

อย่ารีบทำร้ายงูเขียวพระอินทร์

โดย RISC | 4 ปีที่แล้ว

  บางสิ่งบางอย่างไม่อาจตัดสินได้ แค่เพียงรูปลักษณ์ภายนอก ​​เช่นเดียวกับ “งูเขียวพระอินทร์” (ชื่อวิทยาศาสตร์: Chrysopelea ornate) ครับ...ขึ้นชื่อว่า "งู" คนส่วนใหญ่ก็มักจะหวาดกลัวกันอยู่แล้ว แต่ความเป็นจริง...งูเขียวพระอินทร์มีนิสัยขี้ตื่นกลัว เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่มีลำตัวเรียวยาวสีเขียวอ่อนลายสีดำตลอดทั้งตัว สามารถพบเจอได้ทั่วไปในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมืองอื่นๆ และในสวน​แล้วรู้กันหรือไม่ครับว่า งูเขียวพระอินทร์มีประโยชน์ต่อมนุษย์ในการรักษาระบบนิเวศ โดยช่วยกินสัตว์ไม่พึงประสงค์ เช่น หนู ตุ๊กแก จิ้งจก แมลงต่างๆ และสัตว์อื่นๆ โดยทั่วไปงูส่วนใหญ่จะออกหากินตอนกลางคืน แต่งูเขียวพระอินทร์จะออกหากินตอนกลางวันตามบ้านและตามต้นไม้ ทำให้มนุษย์มีโอกาสพบได้ง่าย และทำร้ายมันโดยที่ไม่ทราบเลยว่างูชนิดนี้มีพิษอ่อนที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แถมยังมีประโยชน์ในการช่วยรักษาระบบนิเวศ ถ้าเรารู้แบบนี้แล้ว ต่อไปเวลาเจอกับงูเขียวพระอินทร์นอกบ้านก็ควรปล่อยให้เขาอยู่ตามธรรมชาติ หรือถ้าเจอในบ้านก็หาทางนำออกไปไว้ด้านนอก หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยจับออกไปจะดีที่สุดครับ ​เพราะเราเชื่อว่า “ทุกคน” สามารถช่วยสร้างความหลากหลายทางชีวภาพให้สรรพสิ่งอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนผู้เขียน/เรียบเรียง: ธนวัฒน์ จินจารักษ์ นักวิจัยอาวุโส ฝ่ายสิ่งแวดล้อม RISC

209286 viewer
เรื่องไม่ลับของ "หอยทาก"

เรื่องไม่ลับของ "หอยทาก"

โดย RISC | 4 ปีที่แล้ว

หน้าฝนแบบนี้หลายบ้านคงพบเจอกับ “หอยทาก” หรือ ตื่นเช้าขึ้นมาพบว่าต้นไม้ของเราใบแหว่งไปหลายต้น ซึ่งสัตว์ชนิดนี้ชอบอาศัยในพื้นที่ชื้น และมักออกมาเที่ยวเล่นเวลากลางคืน จึงไม่ค่อยพบในช่วงเวลากลางวันนัก วันนี้แอดมินไม่ได้แนะนำวิธีกำจัดพวกเค้า แต่จะเอาเรื่องลับที่ไม่ลับของหอยทากมาฝากกันครับ ​- ซากดึกดำบรรพ์ของหอยทากถูกค้นพบในยุคแคมเบรียน (Cambrian Period) นั่นคือ เมื่อ 550 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งเป็นยุคของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ก่อนที่จะเกิดยุคไดโนเสาร์ซะอีก ​- หอยทากเป็นสัตว์ที่ไม่มีอวัยวะที่เรียกว่าหู และมีหนวด 2 คู่ หนวดคู่แรกที่ยาวกว่า จะมีตาอยู่ที่โคนหนวดคอยทำหน้าที่รับแสง (Eye spot) และอาศัยหนวดคู่ที่สั้นกว่าด้านล่างในการสัมผัสและดมกลิ่นหาทิศทาง ​- หอยทากเป็นสัตว์ที่มีทั้งสองเพศ เพราะมีอวัยวะสืบพันธุ์ทั้งสองเพศในตัวเดียว เป็นวิวัฒนาการอย่างหนึ่ง เพื่อเพิ่มโอกาสในการผสมพันธุ์ ​- หอยทากจะจำศีลในช่วงฤดูหนาว ด้วยการใช้เมือกคลุมตัว ทำให้ผิวของมันชุ่มชื้นตลอดเวลา ​- หอยทากกินพืชแทบทุกชนิด และชอบกินปูนฉาบบนผนังบ้านหรือกำแพง เพราะมันมีแคลเซียมที่จะทำให้เปลือกของมันแข็งแรง ​ปัจจุบันมีการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า หอยทากนั้นสามารถเป็นดัชนีชี้วัดสิ่งแวดล้อมได้ โดยศึกษาจากโลหะหนักในเนื้อเยื่อของหอยทาก เพื่อติดตามการสะสมของสารพิษในเนื้อเยื่อสัตว์ในสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย และสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็เป็นส่วนที่ช่วยในกระบวนการย่อยเศษใบไม้จนกลายเป็นปุ๋ยส่งต่อให้ต้นไม้ได้เจริญเติบโต ให้ร่มเงา และความสุขแก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึงพวกเราด้วย ​เรียบเรียง: กชกร รัตนมา นักวิจัย RISC ​   อ้างอิง ​1. จิรศักดิ์ สุจริต และ สมศักดิ์ ปัญหา. 2551. หอยทากบกในอุทยานแห่งชาติเขานัน. จัดพิมพ์โดยโครงการ BRT. โรงพิมพ์กรุงเทพ จำกัด กรุงเทพฯ. 111 หน้า ​2. จิรศักดิ์ สุจริต, ปิโยรส ทองเกิด เเละ สมศักดิ์ ปัญหา. 2561. หอยทากบก ทรัพยากรชีวภาพที่ทรงคุณค่าแห่งราชอาณาจักรไทย. จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์: สนับสนุนการวิจัย, สนง. กองทุน กรุงเทพฯ. 288 หน้า ​3. ข้อมูลจากเพจ วิทยาศาสตร์ทันโลก และภัยพิบัติในไทย: https://web.facebook.com/tsunamithailandCaltech/posts/2045459972184882?locale2=th_TH&_rdc=2&_rdr ​

74337 viewer
ก่อนทำบ้านให้เย็นสบาย .... เรามาเข้าใจสภาพภูมิอากาศกัน

ก่อนทำบ้านให้เย็นสบาย .... เรามาเข้าใจสภาพภูมิอากาศกัน

โดย RISC | 4 ปีที่แล้ว

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวว่าเราเป็นทีมนักวิจัยฯ ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์  คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่จะมาเล่าเกร็ดต่างๆ ที่เกี่ยวกับการสร้างความสบายภายในบ้านในรูปแบบต่างๆ ให้กับเพื่อนผู้อ่านได้รับรู้เป็นตอนสั้นๆ เพื่อให้สามารถเข้าใจและนำเทคนิคต่างๆ ไปปรับใช้ได้ด้วยตัวเองกันนะคะ   เนื้อหาของตอนแรกนี้ ก่อนที่เราจะทำบ้านให้เย็นสบายกันนั้น ขอแนะนำให้ “รู้จัก” และ “เข้าใจ” เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศบ้านเรากันก่อนเพื่อการนำเทคนิคต่างๆ ไปใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไปค่ะ แน่นอนว่าทุกคนคงอยู่ในเมืองไทย ที่มีสภาพอากาศอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่คราวนี้เราจะมา “รู้และเข้าใจ” ที่มาของปัญหาการเกิดความร้อนจนอยู่ในบ้านแล้วรู้สึกไม่สบาย และความเข้าใจจะทำให้เรารู้ว่าจะจัดการกับสิ่งที่เป็นอยู่นี้อย่างไรให้เกิดความเย็นสบายกัน   สภาพอากาศบ้านเราเป็นยังไง ประเทศไทยของเรามีอุณหภูมิอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปี §  อุณหภูมิอากาศตอนกลางวันอยู่ระหว่าง 30-35 องศาเซลเซียส ความชื้นในอากาศ 50-70%RH §  ตอนกลางคืนอยู่ประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส ความชื้นในอากาศ 70-90%RH โดยทั่วไปคนเราจะรู้สึกสบาย หรือที่เรียกว่า “สภาวะน่าสบาย” เมื่ออุณหภูมิอากาศอยู่ที่ 22-27 องศาเซลเซียส ความชื้นในอากาศ 20-75%RH ซึ่งสภาพอากาศบ้านเราไม่อยู่ในช่วงดังกล่าว ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวอยู่ตลอดค่ะ แต่หากสามารถปรับสภาพแวดล้อมรอบบ้านด้วยร่มเงา ต้นไม้ และละอองน้ำ จะช่วยให้อุณหภูมิรอบบ้านลดลงได้ และอยู่ในทิศที่ลมพัดผ่านเข้าบ้าน ก็จะช่วยให้พัดพาอุณหภูมิที่เย็นลงนั้นเข้าบ้านมาสร้างความรู้สึกเย็นลงได้อีกด้วย   แล้วลมประจำ....พัดมาทางทิศไหน ความจริงแล้วลมจะมาจากทุกทิศทาง แต่จะมีทิศทางที่ลมพัดประจำอยู่ 2 ช่วงของปี คือ §  ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – กันยายน ลมประจำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ §  ช่วงเดือนตุลาคม – มกราคม ลมประจำอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือ และขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศที่บ้านเราไปตั้งอยู่ด้วย เช่น ติดภูเขา แม่น้ำ หรืออาคารสูง ซึ่งจะทำให้ทิศทางของลมเปลี่ยนไปตามการกระทบและไหลของลม ช่วงเวลาที่เราต้องการลมเพื่อการสร้างความรู้สึกสบายจะเป็นช่วงฤดูร้อน หรือช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ซึ่งมีทิศลมประจำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ ดังนั้น ช่องเปิดของบ้านควรหันมาทางทิศนี้ แต่ควรมีการปรับสภาพแวดล้อมให้อุณหภูมิลดลงก่อน ด้วยการสร้างร่มเงา ปลูกหญ้า ต้นไม้ และการระเหยของน้ำ เพื่อให้ลมพัดพาอุณหภูมิที่เย็นลงแล้วนั้นเข้ามาสร้างความสบายภายในบ้าน แสงแดดมาพร้อมความร้อน...จากทางทิศไหน การขึ้น-ลงของดวงอาทิตย์มีผลต่อความร้อนโดยตรง แต่ละวันแสงแดดตอนเช้าเริ่มจากทางทิศตะวันออก อ้อมเอียงไปทางทิศใต้ (หรือเหนือ) และเอียงต่ำทางทิศตะวันตกในตอนเย็น §  แดดเอียงอ้อมไปทางทิศเหนือ ช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (4 เดือน) §  แดดเอียงอ้อมไปทางทิศใต้ ช่วงเดือนมกราคม – เมษายน และเดือนกันยายน – ธันวาคม (8 เดือน) การเอียงทำมุมกับอาคารนี้เองที่มีผลต่อการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน หากเราเข้าใจจะสามารถหันทิศทางอาคารในทิศที่โดนแดดน้อยได้ หรือการบังแดดในทิศที่ได้รับอิทธิพลจากแสงแดดโดยตรง นอกจากนั้น ช่วงบ่ายที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดของวันประกอบกับทิศทางการเอียงของแสงแดด ทำให้ทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตกได้รับอิทธิพลจากแสงแดดเฉลี่ยมากที่สุดตลอดทั้งปี ดังนั้น อาคารต่างๆ ควรหลีกเลี่ยงการทำผนังในทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศตะวันตก เพื่อลดพื้นที่การรับอิทธิพลจากแสงแดดให้มากที่สุด   เมื่อเรา “รู้และเข้าใจ” สภาพอากาศบ้านเราแล้ว ตอนต่อไปจะเป็นการแนะนำเทคนิคทำให้บ้านของเราเย็นขึ้น แนวทางการออกแบบที่สามารถป้องกันหรือหลีกเลี่ยงความร้อนให้กับอาคาร พร้อมกับแนวทางการเพิ่มความรู้สึกสบายภายในอาคารกันนะคะ   แบ่งปันข้อมูล : ฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์  คอร์ปอเรชั่น จำกัด   http://www.magnolia.co.th/th/project/story.php  

28534 viewer
สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลื้อยคลาน สำคัญต่อพื้นที่โครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?

สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลื้อยคลาน สำคัญต่อพื้นที่โครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างไร?

โดย RISC | 2 ปีที่แล้ว

RISC 5 Research Hubs: Plants & Biodiversity Hub ​เมื่อพูดถึงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือสัตว์เลื้อยคลาน น่าจะมีใครหลายคนที่ไม่ชอบหรือกลัวอย่างแน่นอน ​ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกของสัตว์เหล่านี้บางชนิดอาจจะไม่ได้สวยงาม น่ากลัว แต่ภายใต้ความไม่สวยงามนั้น ก็มีบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญอย่างมากต่อการมีชีวิตอยู่ของเรา ​สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ หรือสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก อย่างพวกกบ อึ่งอ่าง คางคก และสัตว์เลื้อยคลาน อย่างพวกจิ้งจก เต่า งู ต่างก็เป็นสัตว์อีกกลุ่มหนึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศในเขตเมือง รับบทบาททั้งเป็นผู้ล่าและเหยื่อ และมีความสำคัญที่ทำให้สายใยอาหาร (Food web) ในระบบนิเวศสมดุล ซึ่งสัตว์ทั้งสองกลุ่มนี้ถือเป็นตัวชี้วัดทางชีวภาพ (Bioindicator) ที่สามารถบ่งชี้ให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของระบบนิเวศภายในเมืองได้เป็นอย่างดี ​โดยสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพพื้นที่และภูมิอากาศ เพราะการดำรงชีวิตของสัตว์กลุ่มนี้ต้องอาศัยอยู่ทั้งในน้ำและบนบก ในขณะที่สัตว์เลื้อยคลานนั้นก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เนื่องจากมีความจำเพาะต่อถิ่นที่อยู่อาศัย ดังนั้นการพัฒนาพื้นที่สีเขียวจึงควรมีแหล่งน้ำ เพื่อส่งเสริมถิ่นที่อยู่อาศัยให้กับสัตว์ทั้ง 2 กลุ่ม ​ตลอดเวลาที่ผ่านมา RISC ได้ร่วมมือกับ ทางภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำโดย ผศ.ดร.พงษ์ชัย ดำรงโรจวัฒนา และ น.ส.ปิยฉัตร ยอดเงิน นิสิตฝึกงาน ได้เริ่มศึกษาความหลากชนิดของสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำและสัตว์เลื้อยคลานในพื้นที่สีเขียวของโครงการ The Forestias ซึ่งเป็นโครงการที่มีความพิเศษ เพราะมีการแบ่งพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ สำหรับสร้างป่านิเวศ และมีแหล่งน้ำรอบๆ พื้นที่ ​การศึกษาได้เริ่มในช่วงระหว่างการก่อสร้างโครงการ ตั้งแต่ตุลาคม 2564 - มีนาคม 2565 และมีการพบสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำถึง 9 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นคางคกบ้าน กบหนอง เขียดน้ำนอง กบนา กบบัว อึ่งอ่างบ้าน อึ่งข้างดำ อึ่งน้ำเต้า และปาดบ้าน ส่วนสัตว์เลื้อยคลานพบถึง 7 ชนิด ทั้งกิ้งก่าหัวสีฟ้า กิ้งกาหัวแดง ตุ๊กแกบ้าน จิ้งจกบ้านหางหนาม จิ้งจกบ้านศรีลังกา จิ้งจกบ้านหางแบน และเต่านา รวมทั้งยังมีปัจจัยที่บ่งบอกอีกว่าพื้นที่โครงการมีระบบนิเวศที่เอื้อประโยชน์ให้กับสัตว์ทั้งสองกลุ่ม ทั้งในด้านการอยู่อาศัยและดำรงชีวิต ​แต่ทั้งนี้ยังต้องมีการศึกษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และนำข้อมูลมาวิเคราะห์ใช้เป็นแนวทางจัดการพื้นที่ให้ส่งเสริมต่อการอยู่อาศัยของสัตว์กลุ่มนี้ต่อไป ซึ่ง RISC หวังว่างานวิจัยนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเมืองที่ส่งเสริมต่อความหลากหลายทางชีวภาพได้ในอนาคต ​เนื้อหาโดย คุณ ธนวัฒน์ จินจารักษ์ นักวิจัยอาวุโส ฝ่ายสิ่งแวดล้อม RISC และ น.ส.ปิยฉัตร ยอดเงิน นิสิตฝึกงาน ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย​อ้างอิงข้อมูลจาก ​Carey, C. and Alexander, M.A. 2003. Climate change and amphibian declines: Is there a link?. Diversity and Distribution. 9: 111–112. ​Kumar, D.T., Kumar, S.S. and Prasad, M.R. 2014. Current status and possible cases of reptile’s decline. International Research Journal of Environment Sciences. 3: 75–79.​

21167 viewer
© 2024 Magnolia Quality Development Corporation Limited - A DTGO Company
ผลลัพธ์
การยืนยัน
การยืนยัน