Knowledge - RISC

การจัดการคุณภาพอากาศในช่วงหน้าฝนตาม WELL Building Standard Version 2

เขียนบทความโดย RISC | 4 สัปดาห์ที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 4 สัปดาห์ที่แล้ว

151 viewer

หน้าฝนแบบนี้ สิ่งที่เราต้องเจอก็คือเรื่องความชื้นที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความชื้นที่ว่าอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสุขภาพ หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม​

มาตรฐาน WELL Building Standard Version 2 (WELL V2) เป็นมาตรฐานระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร โดยมีแนวทางที่ครอบคลุมถึงการจัดการความชื้นอย่างมีประสิทธิภาพ ​

ผลกระทบของความชื้นสูงในอาคาร ความชื้นสูงในอาคารสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้ใช้อาคารได้หลายประการ:​
o การเจริญเติบโตของเชื้อรา: ความชื้นสูงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตของเชื้อรา ซึ่งสามารถก่อให้เกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้​
o คุณภาพอากาศที่แย่ลง: การสะสมของฝุ่นละอองและสารก่อภูมิแพ้ ทำให้คุณภาพอากาศภายในอาคารแย่ลง​
o ความไม่สบายตัว: ระดับความชื้นที่สูงเกินไปทำให้เรารู้สึกอึดอัด เหนียวตัว และไม่สบาย​
o การเสื่อมสภาพของวัสดุ: ความชื้นสูงสะสมในวัสดุอาคารต่างๆ สามารถทำลายเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้​

เพื่อให้ทุกคนที่ใช้อาคารได้รับอากาศที่ดีและปลอดภัย โดย WELL Building Standard Version 2 มีแนวทางเฉพาะสำหรับการจัดการความชื้นในอาคาร โดยเน้นที่​

การควบคุมความชื้น (Thermal Comfort Concept - T07 Humidity Control) WELL V2 แนะนำให้ระบบระบายอากาศเครื่องกล (Mechanical Ventilation) จะต้องสามารถให้รักษาระดับความชื้นสัมพัทธ์ในอาคารให้อยู่ระหว่าง 30% ถึง 60% โดยระบบต่างกันตามขนาดอาคาร เช่น​
o บ้านพักอาศัย ควรเลือกเครื่อปรับอากาศที่มีโหมดควบคุมความชื้น (Dry) หรือเลือกติดตั้งระบบ เครื่องแลกเปลี่ยนอากาศ Energy Recovery Ventilator (ERV) เพื่อแลกเปลี่ยนความร้อนและความชื้นระหว่างอากาศภายในและภายนอก ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานและรักษาสมดุลความชื้น รวมทั้งสามารถติดตั้งเครื่องดูดความชื้น (Dehumidifier) ร่วมกับระบบระบายอากาศ​
o อาคารขนาดใหญ่ หรืออาคารสาธารณะ การใช้ระบบ DOAS (Dedicated Outdoor Air System) สามารถช่วยในการปรับคุณภาพอากาศจากภายนอกก่อนนำเข้าสู่อาคาร ซึ่งรวมถึงการควบคุมความชื้นได้ด้วย​

นอกจากนี้ WELL V2 แนะนำให้มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่มีความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของความชื้น โดยแสดงค่าคุณภาพอากาศผ่านหน้าจอแท็บเล็ต หรือแอปพลิเคชันอย่างน้อยทุก 15 นาที​

การจัดการความชื้น (Moisture Management - W07 Water Concept) มุ่งเน้นที่การลดการรั่วซึม และสะสมความชื้น​
o  ลดการรั่วซึม และสะสมความชื้นบริเวณเปลือกอาคาร (Buidling Envelope) เช่น ออกแบบพื้นที่ให้สามารถระบายน้ำได้ดี ตรวจสอบระบบระบายน้ำฝนเป็นประจำ เลือกใช้วัสดุที่ไม่ดูดซับน้ำ แผ่นกันซึม โลหะ โฟมแบบ Closed-cell​
o  ลดการรั่วซึม และสะสมความชื้นภายในอาคาร เช่น ในพื้นที่ หรือห้องที่มีแนวโน้มเจอความชื้นสูง ห้องครัว ห้องน้ำ ควรเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่ทนทานต่อความชื้น และสัมผัสน้ำได้ เป็นต้น รวมทั้งตรวจสอบอุปกรณ์ระบบท่อทั้งหมดว่าไม่มีรอยรั่ว ซึ่งจะส่งผลให้มีความชื้นสะสมในพื้นที่ได้ เช่น โถส้วม เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน เป็นต้น นอกจากนี้อุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย ท่อน้ำทิ้ง ท่อน้ำเสียควรติดตั้งระบบป้องกันการไหลย้อน ​
o  สำหรับอาคารขนาดใหญ่ และอาคารสาธารณะ ควรจัดทำแผนการควบคุมความชื้น เช่น กำหนดตารางการตรวจสอบจุดที่เกิดน้ำหมด น้ำรั่ว เชื้อราบริเวณผนัง พื้น อุปกรณ์ HVAC, การตรวจสอบเพื่อประเมินการรั่วไหวของทอน้ำเป็นระยะ ระบบสำหรับผู้ใช้งานอาคาร สามารถแจ้งน้ำรั่ว น้ำหยด หรือการพบเจอเชื้อราในอาคาร นอกจากนี้ทาง WELL มีการกำหนดให้ต้องส่งรายงานการตรวจการรั่วซึม และตรวจสอบเชื้อราไปยังระบบ WELL digital platform อีกด้วย​

หากเราสามารถควบคุม และจัดการความชื้นในหน้าฝนได้ จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์มากมาย เช่น​
o สุขภาพที่ดีขึ้นของผู้ใช้อาคาร: ลดความเสี่ยงของโรคภูมิแพ้และปัญหาระบบทางเดินหายใจ​
o เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: สภาพแวดล้อมที่สบายช่วยให้ผู้ใช้งานอาคาร มีสุขภาวะที่ดี ​
o ประหยัดค่าใช้จ่าย: ลดค่าซ่อมแซมจากความเสียหายที่เกิดจากความชื้น และลดการใช้พลังงานในระบบปรับอากาศ​
o ยืดอายุการใช้งานของอาคาร: ป้องกันการเสื่อมสภาพของโครงสร้างและวัสดุอาคาร​
o สร้างภาพลักษณ์ที่ดี: แสดงถึงความใส่ใจในสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้อาคาร​

การนำ WELL Building Standard V2 มาปรับใช้ในการจัดการความชื้นช่วงฤดูฝนไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อสุขภาพและความยั่งยืนของอาคารและผู้ใช้งาน​

ในฐานะที่ปรึกษาด้าน WELL Building Standard เรามีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ปัญหาความชื้นในอาคารและออกแบบระบบจัดการที่เหมาะสมตามมาตรฐาน WELL V2 เราพร้อมให้คำแนะนำและสนับสนุนองค์กรของคุณในการยกระดับการจัดการความชื้นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและมีประสิทธิภาพสูงสุด​

ร่วมกันสร้างอาคารที่ปลอดภัยจากปัญหาความชื้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลใดก็ตาม​

เนื้อหาโดย คุณ เพชรรินทร์ พงษ์เพ็ชรกูล สถาปนิกวิจัยอาวุโส และผู้เชี่ยวชาญระดับ LEED AP BD+C, WELL AP, Fitwel Ambassador, TREES-A NC, ActiveScore AP, RISC​

อ้างอิงข้อมูลจาก​
การควบคุมความชื้น (Thermal Comfort Concept - T07 Humidity Control) https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/thermal%20comfort/feature/7​
การจัดการความชื้น (Moisture Management - W07 Water Concept) ​https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/water/feature/7​
การควบคุมความชื้น T07 Humidity Control Option 2: Humidity modeling https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/thermal%20comfort/feature/7​
การออกแบบการระบายอากาศ A03 Ventilation Design https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/air/feature/3
A04 Enhanced Ventilation Design https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/air/feature/6 ​
การกรองอากาศ A12 Air Filtration https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/air/feature/12​
คุณภาพอากาศ A01 Air Quality https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/air/feature/
การตรวจวัดอากาศ และสร้างความตระหนักรู้ Air Quality Monitoring and Awareness https://v2.wellcertified.com/en/wellv2/air/feature/8​

รับข่าวสาร

ลงทะเบียนเพื่อรับข่าวสารกับเรา

© 2024 Magnolia Quality Development Corporation Limited - A DTGO Company
ผลลัพธ์
การยืนยัน
การยืนยัน