งานวิจัยหรือสิ่งประดิษฐ์ จะจดสิทธิบัตรได้ต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
เขียนบทความโดย RISC | 1 ปีที่แล้ว
แก้ไขล่าสุด : 1 ปีที่แล้ว
“ทรัพย์สินทางปัญญา” คำนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นหูกันมาบ้าง ซึ่งหากเป็นเมื่อหลายปีก่อน คำที่เราเรียกใช้หรือได้ยินกันจนติดหูจะเป็นคำว่า “ลิขสิทธิ์” มากกว่า
ซึ่งจริงๆ แล้ว ทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP (Intellectual Property) จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ก็คือ ลิขสิทธิ์ (Copyright) และทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม (Industrial Property) นั่นเอง
“ลิขสิทธิ์” นั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่ง ที่ให้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวกับผู้สร้างสรรค์ และจะได้รับความคุ้มครองทันทีโดยไม่ต้องจดทะเบียน แต่...ก็ไม่ใช่ทุกอย่างที่จะมีลิขสิทธิ์ได้ โดยงานสร้างสรรค์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ก็มีตั้งแต่ วรรณกรรม, นาฏกรรม, ศิลปกรรม, ดนตรีกรรม, โสตทัศนวัสดุ, ภาพยนตร์, สิ่งบันทึกเสียง, แพร่เสียงแพร่ภาพ รวมทั้งงานอื่นๆ ที่เป็นวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
ขณะที่ “ทรัพย์สินทางอุตสาหกรรม” นั้นคือความคิดสร้างสรรค์ที่เกี่ยวกับสินค้าอุตสาหกรรมต่างๆ โดยแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ อนุสิทธิบัตร และสิทธิบัตรออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นหลักฐานในความเป็นเจ้าของให้กับผู้ประดิษฐ์ การคุ้มครองสิ่งประดิษฐ์ และป้องกันการละเมิด
แล้วงานวิจัยหรือสิ่งประดิษฐ์จะจดสิทธิบัตรต้องมีเงื่อนไขอะไรบ้าง?
การที่สิ่งประดิษฐ์จะขอรับสิทธิบัตรได้ ตามกฎหมายแล้วต้องเข้าเงื่อนไข 3 ข้อ นั่นก็คือ...
• ต้องมีความใหม่ (Novelty) ไม่ได้เป็นงานที่มีปรากฏอยู่แล้ว
• มีขั้นตอนในการประดิษฐ์สูงขึ้น (Inventive step) เป็นที่ประจักษ์โดยง่ายแก่ผู้ที่มีความชำนาญในระดับสามัญของสาขาวิทยาการนั้น (กรณียื่นคำขอรับเป็นอนุสิทธิบัตร ไม่ได้ใช้เงื่อนไขข้อนี้ในการพิจารณา จึงทำให้การประดิษฐ์ส่วนใหญ่ มักจะเป็นอนุสิทธิบัตร)
• สามารถประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรม (Industrial applicability) ได้
การที่เราจะขอยื่นจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์นั้น จึงต้องมีความแตกต่างของลักษณะทางเทคนิค และวิธีการทำงานที่ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ก็ยังมีกระบวนการอื่นๆ ที่ต้องใช้ในการขอยื่นจดสิทธิบัตร รวมถึงตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาอีกด้วย
เนื้อหาโดย คุณ รวินท์ฐิสา แตงสุวรรณานนท์ ผู้จัดการด้านการจัดการระบบทรัพย์สินทางปัญญา, RISC