สถาปัตยกรรมเชื่อมต่อความสัมพันธ์พื้นที่ริมน้ำ
เขียนบทความโดย RISC | 5 ปีที่แล้ว
แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว
การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณย่านคลองสาน ถนนเจริญกรุง ถนนเจริญนคร และถนนพระรามสาม เพราะมีปัจจัยพื้นฐานที่ครบถ้วน เช่น มีเส้นทางสัญจรที่สะดวกในการเข้าสู่พื้นที่ใจกลางธุรกิจอย่างสีลมและสาทร เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ราชการและสถานศึกษาต่างๆ เป็นพื้นที่ที่ประชากรมีกำลังซื้อสูง และมีการเจริญเติบโตของย่านการค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้กำลังจะกลายเป็นศูนย์กลางความเจริญใหม่อีกแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ที่ประกอบด้วยโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทศูนย์การค้า สำนักงาน และที่พักอาศัยหลากหลายประเภท เช่น โรงแรม และคอนโดมิเนียม
เดิมพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาในบริเวณดังกล่าว พบว่ามีทั้งแหล่งวัฒนธรรมและชุมชนโบราณริมแม่น้ำที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ เพื่อคงเอกลักษณ์ของความเป็นพื้นที่ริมน้ำเดิมไว้ ถึงแม้วิถีชีวิตจากชุมชนเดิมอาจมีการเปลี่ยนแปลง และถูกพัฒนาในแง่ของความเจริญในภาคธุรกิจมากขึ้น เรื่องคุณภาพชีวิตก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ควรคำนึงถึง ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่จะคำนึงถึงผลประโยชน์ที่ได้ในภาคธุรกิจเป็นหลัก โดยขาดการคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของชุมชนใหม่ที่เกิดขึ้นและชุมชนริมน้ำเดิมที่อยู่รอบบริเวณโครงการ
วิธีหนึ่งที่นานาประเทศเลือกที่จะพัฒนาควบคู่ไปกับการพัฒนาโครงการริมน้ำ คือ การฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่ริมน้ำ ให้เป็นพื้นที่สาธารณะที่ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมร่วมกันของผู้อยู่อาศัยในย่านนั้นๆ โดยแนวคิดนี้ไม่ได้ถูกจำกัดเฉพาะสำหรับผู้พัฒนาเมืองเท่านั้น แต่สามารถประยุกต์ใช้ได้ถึงแม้จะเป็นผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับพื้นที่ริมน้ำในบริเวณที่กล่าวไปแล้วข้างต้นนี้ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ซึ่งยากแก่รัฐจะเข้าไปพัฒนาให้เกิดความเชื่อมโยงของแนวคิดในการฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่สาธารณะริมน้ำ โดยการฟื้นฟูและพัฒนาสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายรูปแบบ เช่น ลานกิจกรรมหรือลานแสดงสินค้าของศูนย์การค้า (Retail plaza) สวนสาธารณะและสนามเด็กเล่น (Park and playground) พื้นที่แสดงผลงานศิลปะ (Gallery) พิพิธภัณฑ์ (Museum) พื้นที่ส่งเสริมความรู้ (Learning space) หรือศูนย์กีฬา (Sport hub) เป็นต้น
ลักษณะพื้นที่สาธารณะริมน้ำในปัจจุบันเริ่มจะมีให้เห็นอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่นการพัฒนาโครงการในรูปแบบของศูนย์การค้าแนวราบ ที่กลายเป็นย่านการค้าและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในชุมชน ทั้งยังสามารถบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชุมชนในพื้นที่เดิมได้ ผ่านทางลักษณะของสถาปัตยกรรมและพื้นที่ใช้สอยต่างๆ ภายในโครงการ ทำให้เกิดกิจกรรมและปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนในชุมชนเดิมและกลุ่มคนในเมืองใหม่ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความใส่ใจถึงผลประโยชน์ของชุมชนเป็นที่ตั้ง มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้ดีขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน
Story by Anchisa Suntijitto, Researcher / R&D Department, DT Group of Companies
อัญชิสา สันติจิตโต, นักวิจัย