7 Design Aspects for Healthy Built-Environment: การเลือกวัสดุและสร้างความปลอดภัย
เขียนบทความโดย RISC | 4 ปีที่แล้ว
แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว
มนุษย์ทุกคนล้วนต้องการความสบายใจ (Peace of mind) การอยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ไร้กังวล ไม่เจ็บป่วย และรำคาญใจ...การเลือกวัสดุที่ดีต่อสุขภาพและสร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้กับทุกคนจึงเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ
วัสดุต่างๆ สามารถเป็นแหล่งปล่อยสารพิษออกมาได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะวัสดุภายในอาคาร หากเราสัมผัสทุกวัน ในระยะสั้นจะทำให้รู้สึกแสบตา ระคายเคืองทางจมูก ผิวหนัง และการหายใจ และในระยะยาวจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง หรือโรคระบบทางเดินหายใจ
นอกจากเรื่องสารพิษในวัสดุแล้ว การออกแบบและเลือกวัสดุที่ช่วยสร้างความปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุ อย่างเช่นการล้ม หรือการพลัดตก ก็สำคัญเช่นกัน โดยสถิติจากทั่วโลกพบว่า “การล้ม” เป็นสาเหตุอันดับ 2 ของการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งกลุ่มอายุเฉลี่ย ก็คือ ผู้สูงอายุวัย 65 ปีขึ้นไป และยังรวมถึงเด็กเล็กอีกด้วย
จากปัญหาที่กล่าวมา การออกแบบเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย สามารถทำได้โดย...
1. การเลือกวัสดุที่ไม่มีสารพิษเจือปน หรือมีสารพิษน้อย (Non-toxic or Low-emission material)
กลุ่มสารเคมีที่พบเจอได้บ่อยในวัสดุอาคาร ก็คือ กลุ่มสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (Volatile Organic Compounds: VOCs) ซึ่งสาร VOCs เป็นส่วนประกอบ และสารทำละลายในวัสดุต่างๆ ที่เราใช้ในอาคาร อย่างสี กาว ยาแนว สารเคลือบ ไม้ประกอบ วัสดุตกแต่ง พรม เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ดังนั้นจึงต้องระวังวัสดุที่มีส่วนผสม VOCs ในปริมาณสูง โดยสามารถตรวจสอบได้จากใบรับรอง (Certificate) ปริมาณ VOCs content และ VOC emission ในปัจจุบันมีสถาบันและองค์กรที่มีความเป็นกลาง จัดตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบวัสดุก่อสร้างและตกแต่ง ซึ่งเรามั่นใจได้เลยว่าวัสดุที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานมีความปลอดภัย เช่น ฉลากเขียวของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย หรือแม้แต่ฉลาก Greenguard โดย UL’s GREENGUARD Certification program
2. การออกแบบรองรับความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ (Safety Material)
การป้องกัน และลดอุบัติเหตุต่างๆ สามารถเลือกวัสดุผิวพื้นที่มีคุณสมบัติการกันลื่นที่เหมาะสำหรับแต่ละพื้นที่ใช้งานต่างๆ ซึ่งจะมีความเสี่ยงในการลื่นแตกต่างกัน การเลือกพื้นกระเบื้อง สามารถพิจารณาค่ากันลื่น (Slip resistance, R) ของพื้น ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานจาก Germany's DIN 51130 Slip Test ยิ่งค่า R สูงก็ยิ่งกันลื่นได้สูง เช่น พื้นที่ใช้งานทั่วไป พื้นที่ไม่เปียกน้ำ ควรเลือกใช้พื้นที่มีค่า R9 เป็นอย่างน้อย แต่หากเป็นพื้นห้องน้ำ ที่อาจเปียกน้ำบ่อยครั้ง ควรเลือกใช้พื้นที่มีค่า R11 เป็นอย่างน้อย
จะเห็นได้ว่าการเลือกวัสดุและการออกแบบเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย ถือเป็นรายละเอียดที่ต้องใส่ใจ เพื่อการสร้างความสบายกาย และสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกๆ วันครับ
โพสต์ต่อไป เราจะเจาะลึกเรื่อง Living with Nature ว่าส่งผลต่อกายและใจของเราได้อย่างไร โปรดติดตามนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
- US National Library of Medicine National Institutes of Health
- WHO, National Center for Health Statistics