Waste to "VALUE" เปลี่ยนขยะให้มีค่า
เขียนบทความโดย RISC | 17 ชั่วโมงที่แล้ว
แก้ไขล่าสุด : 17 ชั่วโมงที่แล้ว
ข้อมูลของกรมโรงงานอุตสาหกรรมในปี 2566 พบว่า ประเทศไทยมีปริมาณกากของเสียอุตสาหกรรมสูงถึง 19.8 ล้านตัน โดยเป็นของเสียที่ไม่อันตราย 18.7 ล้านตัน และเป็นของเสียอันตราย 1.1 ล้านตัน
ซึ่งของเสียอุตสาหกรรมส่วนใหญ่เกิดจากการผลิตน้ำตาลทราย (38.8%) พลังงานไฟฟ้าจากความร้อน (14.3%) อาหารและเครื่องดื่มจากผักผลไม้ (11.9%) เหล็ก (6.4%) เอทานอล (5.7%) และอื่นๆ อย่างเช่น กระดาษ ชิ้นส่วนยานยนต์ สารเคมี พลาสติก และสิ่งทอ
จากข้อมูลข้างต้นพบว่า กระบวนการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรม มักมีของเสียเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิตจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี หากปริมาณของเสียเหล่านี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง ก็จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ เช่น การปนเปื้อนของสารเคมีอันตราย ไมโครพลาสติกในแหล่งน้ำและดิน รวมถึงการแพร่กระจายของเชื้อโรค
การจัดการของเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ จึงจำเป็นต้องใช้เแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาช่วย โดยการนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ เพื่อลดปริมาณขยะ และยังเพิ่มมูลค่าให้กับขยะเหล่านี้อย่างยั่งยืน
โดยต้องเริ่มจากการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด และลดการเกิดของเสียระหว่างกระบวนการผลิต นอกจากนี้ต้องคำนึงถึงการจัดการผลิตภัณฑ์หลังหมดอายุการใช้งาน เช่น การใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ สามารถรีไซเคิลได้ หรือสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ในอนาคต ในขณะเดียวกันผลพลอยได้ (By-Products) ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิตไม่ควรมองเป็นขยะที่ต้องกำจัด แต่ควรมองเป็นทรัพยากรที่มีค่า ซึ่งเป็นโอกาสในการเพิ่มมูลค่าจากของเสีย เช่น การใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดคุณค่าอย่างสูงสุด
ตัวอย่างเช่น การผลิตกระเบื้องพรม (Carpet Tiles) จากเส้นใย Nylon ของบริษัท Tarkett
แผ่นพรมของ Tarkett ถูกออกแบบตั้งแต่แรกให้สามารถแยกชั้นขนพรมออกจากชั้นรองหลังได้ พอเมื่อหมดอายุการใช้งาน
- ชั้นขนพรม ซึ่งเป็นเส้นใย Nylon จะถูกนำไปรีไซเคิลเชิงเคมีร่วมกับเศษเส้นใยจากการผลิตพรม และขยะจาก Nylon อื่นๆ เช่น ตาข่าย แหอวน เสื้อผ้า และชิ้นส่วนพลาสติก เพื่อนำมาผลิตเป็นเส้นใย Nylon สำหรับการผลิตพรมใหม่
- ชั้นรองหลัง ที่ถูกแยกออกมาจะถูกบดย่อย และหลอมขึ้นรูปเป็นแผ่นใหม่ จะนำไปใช้เป็นชั้นรองหลังสำหรับการผลิตพรมใหม่อีกครั้ง
การออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุในลักษณะนี้ จะช่วยลดปริมาณขยะ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่ม และลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะได้อีกด้วย
การเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ไม่เพียงแค่ช่วยลดปริมาณขยะ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับขยะ โดยเน้นการออกแบบที่คำนึงถึงการรีไซเคิล และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เพียงแต่ลดค่าใช้จ่ายในการกำจัดขยะ แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนอีกด้วย
หากองค์กร หรืออุตสาหกรรมของท่านต้องการเปลี่ยนขยะของเสีย (Waste) จากโรงงานให้กลับมามีมูลค่า (Value) สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน สามารถติดต่อ RISC Line ID: risc_center. 063-902-9346 หรือ risc_admin@dtgo.com
เนื้อหาโดย คุณ สุพรรณภางค์ รักษาวงค์ นักวิจัยวัสดุ Sustainable Building Material
อ้างอิงข้อมูลจาก
สำนักงานสถิติแห่งชาติ. สถิติสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. 2567 : https://www.nso.go.th/public/e-book/Indicators-Environment/Environment-Indicators-2567/
กรมโรงงานอุตสาหกรรม. สรุปข้อมูลกากของเสียอุตสาหกรรม 2566 : https://api.diw.go.th/public/tableauPublic.jsp?name=A4&ms=1744165687192
Tarkett. Climate and Circular Economy