RISC

ออกแบบบ้านอย่างไร? ให้สัตว์เลี้ยงรู้สึกสบาย ปลอดภัย ห่างไกลโรค

เขียนบทความโดย RISC | 2 ปีที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว

5838 viewer

ทั้งเชื้อโรคและโรคร้ายกำลังเป็นสิ่งที่ใครหลายคนวิตกกังวล ซึ่งไม่เพียงแค่คน แต่รู้หรือไม่? ว่าเหล่าสัตว์เลี้ยงแสนรักของเราก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน

โดยองค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (World Organisation for Animal Health: OIE) ได้รวบรวมและเปิดเผยข้อมูลในช่วงการระบาดของ COVID-19 เกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสในสัตว์อย่างต่อเนื่องว่า มีการติดเชื้อในสัตว์จำนวนทั้งสิ้น 675 ราย จากสัตว์ทั้งหมด 23 สายพันธุ์ (อ้างอิงรายงานเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2565) ซึ่งสัตว์เลี้ยงประเภทสุนัขและแมวที่มีความใกล้ชิดกับคนเป็นอย่างมาก ถูกรวมอยู่ในกลุ่มที่พบเชื้อนี้ด้วยเช่นกัน

จากรายงานพบหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างปัจจัยของการติดเชื้อที่สัมพันธ์กับความใกล้ชิดระหว่างคนกับสัตว์ ทั้งในกรณีของการพบการติดเชื้อในสัตว์ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ หรือกรณีสัตว์ที่ติดเชื้อมีความเกี่ยวข้องกับสาเหตุของการติดเชื้อในคน จนนำไปสู่ข้อสังเกตที่มีความเป็นไปได้ว่า อาจมีการแพร่เชื้อจากสัตว์สู่คนหรือคนสู่สัตว์ รวมไปถึงปัจจัยร่วมทางด้านสภาพแวดล้อมหรือที่อยู่อาศัย ก็อาจเป็นสาเหตุของการติดเชื้อได้เหมือนกัน นำมาซึ่งข้อแนะนำในการปฏิบัติกรณีที่พบการติดเชื้อในสัตว์จะต้องมีการกักตัวเช่นเดียวกับมนุษย์ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยจากโรคระบาด ผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงจึงต้องดูแลสุขภาพทั้งคนและสัตว์เลี้ยงไปพร้อมๆ กัน

สำหรับในบ้านเรา พบรายงานการติดเชื้อในสุนัขและแมว โดยเป็นการติดเชื้อในสุนัข 2 ราย ในเขตจังหวัดกรุงเทพมหานคร แมว 1 ราย ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ และแมวอีก 1 ราย ในเขตจังหวัดนนทบุรี รวมทั้งสิ้น 4 ราย (อ้างอิงรายงานจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2565) ซึ่งทุกรายได้รับการรักษา กักตัวตามกำหนด และไม่ได้รับรายงานการเสียชีวิตแต่อย่างใด

นอกจากเรื่องโรคระบาดต่างๆ แล้ว 1) การตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ 2) การได้รับวัคซีนครบถ้วนตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ 3) การส่งเสริมให้สัตว์เลี้ยงได้รับการออกกำลังกายอย่างเพียงพอ 4) การป้องกันหรือชะลอความเสี่ยงของโรคตามสายพันธุ์ 5) การดูแลรักษาความสะอาดอย่างถูกต้องไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยง และ 6) การจัดสรรสภาพแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ ล้วนเป็นเรื่องที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงควรทำ เพื่อความปลอดภัย ห่างไกลจากโรค และได้รับสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare) ที่ตอบโจทย์ความต้องการขั้นพื้นฐานของสัตว์ ทั้งในด้านความสุขกายและสบายใจ

จริงอยู่ที่อันตรายหรือโรคภัยต่างๆ ที่เกิดจากปัจจัยภายนอกเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ยาก แต่การจัดสภาพแวดล้อมภายในบ้านนั้น เราสามารถควบคุมและทำได้โดยใช้การออกแบบที่ยึดหลักเกณฑ์ ได้แก่ 1) การออกแบบเพื่อความสบายของสัตว์เลี้ยง (Pet Comfort) 2) การจัดการพื้นที่ใช้สอย (Functions Management) และ 3) การเลือกวัสดุที่เหมาะสม (Materials Selection) ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงการออกแบบให้สัตว์เลี้ยงของเรารู้สึกสบายกันก่อน​

การออกแบบเพื่อความสบายของสัตว์เลี้ยง (Pet Comfort) จะแบ่งการสร้างความสบายออกเป็น 4 ด้าน นั่นก็คือ...

1. การจัดอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม หรือ Thermal Comfort: จำง่ายๆ หากเรารู้สึกสบาย สัตว์เลี้ยงก็สบายด้วยเช่นกัน โดยช่วงอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่สัตว์เลี้ยงรู้สึกสบาย จะอยู่ที่ 20-29 °C และ 30-70% RH (สำหรับสุนัขและแมว) ในขณะที่ช่วงอุณหภูมิและความชื้นสัมพัทธ์ที่มนุษย์รู้สึกสบาย จะอยู่ที่ 22-27 °C และ 20-75% RH นอกจากนี้ เรื่องของลักษณะพิเศษตามสายพันธุ์ เราก็ต้องไม่มองข้าม อย่างเช่น สัตว์เลี้ยงตัวนี้มีต้นกำเนิดสายพันธุ์มาจากที่ใด, ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใด หรือสามารถทนความร้อนของอากาศในบ้านเราได้ดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ เราต้องใส่ใจไม่ละเลย อย่าปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่อับ อากาศไม่ถ่ายเทนานจนเกินไป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่บ้าน รวมทั้งอย่าให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในพื้นที่กลางแดดเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายจากโรคลมแดด (Heat stroke) เพราะอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

2. ความสบายทางสายตา หรือ Visual Comfort: พฤติกรรมของสุนัขและแมวอาจแตกต่างกัน บ้างต้องการออกไปวิ่งเล่น บ้างต้องการอยู่แต่ภายในบ้าน แต่ไม่ว่าจะชอบแบบไหน สิ่งหนึ่งที่เราต้องให้ความสำคัญคือ การได้รับแสงธรรมชาติที่พอเหมาะ และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในพื้นที่จำกัดที่ไม่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ภายนอก ดังนั้น เราควรจัดพื้นที่นั่งเล่นหรือมุมโปรดของสัตว์เลี้ยงให้อยู่ใกล้หน้าต่าง หรือช่องเปิดที่ได้รับแสงธรรมชาติ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรงและแสงจ้าที่แยงตา ทั้งนี้ก็เพื่อให้สัตว์เลี้ยงของเราได้รับความสว่างที่พอเหมาะและความสบายทางสายตา สร้างความรู้สึกโปร่งโล่ง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ ผู้คน หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ ภายนอก ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพทางกาย และลดความเครียดของสัตว์เลี้ยง อีกทั้งยังช่วยลดการสะสมความชื้น เชื้อรา และฆ่าเชื้อโรคได้อีกด้วย

3. คุณภาพอากาศที่ดี หรือ Air Quality: ทั้งเราและสัตว์เลี้ยงต่างก็ต้องการอากาศที่ดีไว้หายใจ การจัดพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลี้ยงให้มีการระบายอากาศธรรมชาติที่เพียงพอ จะสามารถช่วยลดปัญหากลิ่นสะสม ความอับชื้น และเชื้อราได้เป็นอย่างดี โดยใช้การเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้อากาศจากภายนอกไหลเวียนเข้ามาภายในบ้าน หรือให้สัตว์เลี้ยงออกไปสัมผัสอากาศภายนอกบ้านก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมและดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเกิดอันตรายจากการปีนป่าย หรืออุบัติเหตุต่างๆ ส่วนกรณีที่สัตว์เลี้ยงต้องอยู่ตามลำพังในขณะที่เราไม่อยู่บ้าน ก็ควรจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้สัตว์เลี้ยงสามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง อย่างเช่น ประตูพิเศษเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงที่เชื่อมออกสู่ภายนอกบ้าน ที่สามารถเข้าออกได้โดยไม่ต้องรอเจ้าของเปิดให้ หรือระบบเติมอากาศบริสุทธิ์จากภายนอกโดยที่ไม่ต้องเปิดหน้าต่างหรือประตูทิ้งไว้ เพื่อระบายอากาศเสียออก ลดการสะสมกลิ่นและความชื้น ซึ่งอาจเป็นแหล่งเชื้อโรคต่างๆ ที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งตัวเราและสัตว์เลี้ยงได้

4. ลดเสียงรบกวน หรือ Acoustic Quality: การเห่าหรือการหอนของสุนัข เป็นการรบกวนเพื่อนบ้านข้างเคียงที่นำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งในภายหลัง ซึ่งสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากสัตว์เลี้ยงของเราได้รับสิ่งเร้า หรือเสียงรบกวนจากภายนอก ดังนั้น จึงควรออกแบบการป้องกันเสียงรบกวน เช่น การเลือกผนังกันเสียง ประตูกันเสียง ปิดช่องว่างหรือส่วนที่เสียงอาจลอดผ่านได้ระหว่างห้อง หรือแม้แต่การติดตั้งฉนวนดูดซับเสียง เพื่อลดการได้รับเสียงรบกวนจากภายนอก รวมถึงลดเสียงรบกวนจากสัตว์เลี้ยงของเราเองด้วย

เราคงเห็นกันแล้วว่า การออกแบบสภาพแวดล้อมภายในบ้านจะช่วยให้สัตว์เลี้ยงของเรารู้สึกสบาย ปลอดภัย และยังมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ซึ่งในตอนต่อไป เราจะมาดูหลักเกณฑ์การออกแบบ ทั้งเรื่องของการจัดการพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัวมีคุณภาพ และการเลือกวัสดุที่เหมาะสมต่อสัตว์เลี้ยง อย่าลืมติดตามกันนะ!!

เนื้อหาโดย คุณ สริธร อมรจารุชิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการ RISC
 
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.oie.int/en/what-we-offer/emergency-and-resilience/covid-19/#ui-id-3 ​
https://www.oie.int/app/uploads/2022/05/sars-cov-2-situation-report-12.pdf ​
https://www.oie.int/app/uploads/2022/05/sars-cov-2-situation-report-12.pdf ​
https://www.facebook.com/riscwellbeing/photos/pcb.2901063900156774/2901026033493894/?type=3&eid=ARAM8gNgfxDqQTz9LVFYaAewHk32BKebVDU5x451oeGu5FHgTkXWE8Yk9ONNsWsolYqMvyYAy2iYkpDp ​
National Research Council (US).  Guide for the Care and Use of Laboratory Animals.  8th edition. Washington (DC): National Academies Press (US); 2011. ​
Mary Jordan, Amy E. Bauer, Judith L. Stella, Candace Croney.  Perdue Extension: Temperature Requirement for Dog.  Department of Comparative Pathobiology, College of Veterinary Medicine, 2016. ​
Australian Capital Territory, Animal Welfare (Animal Boarding Establishments) Code of Practice 2008

แนะนำสำหรับคุณ

ธรรมชาติกับการพัฒนาการของเด็กและความสัมพันธ์ของครอบครัว
Happiness Science

ธรรมชาติกับการพัฒนาการของเด็กและความสัมพันธ์ของครอบครัว

Quality Time ของครอบครัว ส่งเสริม Quality of Life
Happiness Science

Quality Time ของครอบครัว ส่งเสริม Quality of Life

Neuromarketing กับการใช้เทคโนโลยีตรวจจับอารมณ์ผ่านใบหน้า เพื่องานการตลาด
Happiness Science

Neuromarketing กับการใช้เทคโนโลยีตรวจจับอารมณ์ผ่านใบหน้า เพื่องานการตลาด

Neuromarketing คืออะไร?​ ช่วยคุณเพิ่มยอดขายได้อย่างไร?
Happiness Science

Neuromarketing คืออะไร?​ ช่วยคุณเพิ่มยอดขายได้อย่างไร?

ทำไม "แสงแดด" ถึงสำคัญต่อเรา?​
Happiness Science

ทำไม "แสงแดด" ถึงสำคัญต่อเรา?​

เสียงน้ำ สายฝน มีผลต่ออารมณ์ของเราอย่างไร?
Happiness Science

เสียงน้ำ สายฝน มีผลต่ออารมณ์ของเราอย่างไร?

"ฝนตก" ทำให้คนเหงา จริงหรือคิดไปเอง?
Happiness Science

"ฝนตก" ทำให้คนเหงา จริงหรือคิดไปเอง?

ความเครียด ภัยอันตรายที่ต้องใส่ใจ
Happiness Science

ความเครียด ภัยอันตรายที่ต้องใส่ใจ

อากาศร้อน ไม่ได้แค่ทำให้หัวร้อน แต่ยังส่งผลต่ออาชญากรรม
Happiness Science

อากาศร้อน ไม่ได้แค่ทำให้หัวร้อน แต่ยังส่งผลต่ออาชญากรรม

"ตรุษจีน" เทศกาลของการพบกันของครอบครัว RISC ขอชวนทำแบบสอบถามประเมินสมองเสื่อม เพื่อคนที่คุณรัก
Happiness Science

"ตรุษจีน" เทศกาลของการพบกันของครอบครัว RISC ขอชวนทำแบบสอบถามประเมินสมองเสื่อม เพื่อคนที่คุณรัก