RISC

"Neuroinclusive Design”​ การออกแบบรองรับการรับรู้รอบตัวที่ต่างกัน​

เขียนบทความโดย RISC | 12 ชั่วโมงที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 12 ชั่วโมงที่แล้ว

33 viewer

ทุกคนบนโลกนี้ ไม่ได้มีแค่ความต่างเรื่องเพศ สถานะ การศึกษา แต่...รู้หรือไม่ ความแตกต่างนี้ยังมีในรูปแบบอื่นอีก ทั้งการรับรู้ ความรู้สึก และปฏิสัมพันธ์ที่หลากหลาย​

“Neuroinclusive Design” หรือ “การออกแบบเพื่อรองรับความหลากหลายทางระบบประสาท” จึงเป็นแนวคิดที่น่าจับตามองสำหรับการออกแบบอาคารยุคใหม่ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบความเงียบหรือเสียงเพลง หรือรู้สึกไม่สบายใจกับแสงที่สว่างเกินไปหรือมืดเกินไป การออกแบบที่ใส่ใจความรู้สึก การรับรู้ และการตอบสนองของสมองที่แตกต่างกันสามารถเปลี่ยน “อาคาร” ให้กลายเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” ที่แท้จริงได้​

จุดมุ่งหมายของ Neuroinclusive Design เพื่อสร้างพื้นที่ที่เข้าใจความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่ไวต่อเสียง ผู้สูงวัยที่มีปัญหาด้านความจำ หรือแม้แต่คนทั่วไปที่มีรูปแบบการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนกัน โดยหลักการสำคัญของแนวคิดนี้ คือการออกแบบที่ “ยืดหยุ่น” “ปลอดภัย” และ “ไม่ตัดสินความแตกต่าง” รวมทั้ง “ออกแบบให้เหมาะกับตัวเองได้” ซึ่งแนวคิดนี้มีการนำองค์ประกอบต่างๆ ทั้งความสว่างของแสง สีของแสง สี เฟอนิเจอร์ อุณหภูมิ เสียง ต้นไม้ หิน เส้นโค้ง เส้นตรง ผนัง กระจก และอื่นๆ อีกมากมาย คัดเลือกอย่างเข้าใจต่อการรับรู้ของระบบประสาท และนำมาออกแบบสภาพแวดล้อมรอบตัว เพื่อให้เกิด Neuroinclusive Design ขึ้นมา​

แม้แนวคิดนี้อาจดูใหม่ และเป็นเชิงทฤษฎี แต่จริงๆ แล้วสามารถนำมาปรับใช้ในอาคารทั่วไปได้อย่างเป็นรูปธรรม อย่างเช่น การเลือกใช้โทนสีที่ไม่รบกวนประสาทสัมผัส เช่น สีเอิร์ธโทนหรือพาสเทล ซึ่งช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสงบ ลดความเครียด หรือการออกแบบให้อาคารมีระบบควบคุมแสงที่ยืดหยุ่น เช่น ไฟห้องที่ปรับระดับส่องสว่างได้ หรือม่านที่สามารถกรองแสงธรรมชาติได้ตามระดับที่ต้องการ

อีกหนึ่งตัวอย่างที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง คือการสร้าง “มุมเงียบ” ในพื้นที่เล็กๆ สำหรับนั่งอ่านหนังสือ หรืออยู่กับตัวเองโดยไม่ถูกรบกวนจากเสียง หรือความวุ่นวายรอบตัวภายนอก โดยใช้การใช้วัสดุดูดซับเสียง เพื่อลดเสียงรบกวนในพื้นที่ที่มีการใช้งานหลายอย่างร่วมกับพื้นที่สีเขียว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งกับเด็กที่มีสมาธิสั้น หรือผู้ใหญ่ที่ต้องการพักจากโลกภายนอก นอกจากนี้ การเลือกใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสที่อ่อนโยน เช่น ผ้าฝ้าย ไม้ หรือวัสดุที่ไม่สะท้อนแสง ยังช่วยให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบาย และมั่นคงมากขึ้น

หากต้องการออกแบบสถานที่ทำงานที่สร้างสภาพแวดล้อมช่วยกระตุ้นประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น สามารถทำได้หลายแนวทาง เช่น การออกแบบเพดานเตี้ย ร่วมกับการมีแสงไฟที่ส่องสว่างโฟกัสไปที่โต๊ะทำงาน ช่วยให้รู้สึกจดจ่อกับงานที่อยู่ตรงหน้าได้ง่ายขึ้น ส่วนการเลือกโทนสีภายในสำนักงานก็มีผลต่อสมองเช่นกัน โดยการเลือกใช้สีโทนอุ่นสามารถช่วยลดความตึงเครียด ในขณะที่สีสดใสก็ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ การใช้วัสดุที่มีผิวขรุขระ ไม่เป็นระเบียบ คู่กับผนังที่ใช้ลายเส้นซับซ้อนมาประดับ ก็ส่งเสริมให้เกิดการพูดคุย เพิ่มการสนทนาของเพื่อนร่วมงานได้ดีขึ้นเช่นกัน

การออกแบบอาคารสำนักงานแบบ Neuroinclusive ไม่ใช่เพียงแนวคิดเพื่อ “ความเข้าใจผู้ใช้งาน” เท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดความเครียด และส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจทุกคน เพราะ “พื้นที่ที่ดี” คือพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเอง และทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ ไม่ว่าพวกเขาจะรับรู้โลกนี้ด้วยวิธีใดก็ตาม

เนื้อหาโดย คุณ ณัฐภัทร ตันจริยภรณ์ นักวิจัยอาวุโส ปฏิบัติการเชื่อมต่อสมองกับคอมพิวเตอร์ RISC