RISC

10 จุดอ่อนของบ้าน ทำร่างพัง จิตป่วยไม่รู้ตัว (2)

เขียนบทความโดย RISC | 3 ปีที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว

2372 viewer
บ้านก็ดูแลอย่างดี เฟอร์นิเจอร์ที่ซื้อเข้าบ้านก็มีคุณภาพ แต่ทำไม...อยู่ๆ ไป กลับรู้สึกป่วยง่าย เบื่ออาหาร เครียด หรือซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว ​
นั่นก็เพราะว่าบ้านที่เราอยู่ ยังมีอะไรที่อาจส่งผลต่อสุขภาวะของเรา งั้นวันนี้เราลองมาสำรวจอีก 5 จุดอ่อนที่อยู่ในบ้านของเรากัน ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วยทั้งทางกายและทางใจ…
 
 
6. ปิดบ้านจนอับ เพิ่มเชื้อรา สะสมสารเคมี
 
หลายคนคงประสบปัญหา อยู่ๆ ก็มีเชื้อราขึ้นกระเป๋า ขึ้นเสื้อผ้า หรือตามเฟอร์นิเจอร์แบบงงๆ แถมยังมีกลิ่นอับในบ้านแถมมาอีก แล้วเชื้อราพวกนี้มันมาจากไหน? ทั้งๆ ที่บ้านก็ปิดดี ​

จริงๆ แล้วสาเหตุก็มาจากการปิดบ้าน ไม่เปิดประตูหน้าต่างให้ลมพัดผ่าน เพราะมัวแต่กลัวฝุ่น แมลง หรือกังวลความรู้สึกไม่ส่วนตัวมากเกินไป ทำให้การไหลเวียนของอากาศในบ้านไม่มี จนเป็นที่สะสมของความชื้น ​

การไหลเวียนของอากาศที่ดีจะช่วยพัดพาความชื้นภายในอาคาร รวมถึงหยดน้ำที่เกิดจากการควบแน่นในส่วนต่างๆ ของผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ให้ระเหยไปได้ เมื่อลดความชื้นได้ ก็จะช่วยลดแนวโน้มการเกิดเชื้อราได้นั่นเอง นอกจากนี้ สารเคมีที่ติดมากับเฟอร์นิเจอร์ สีทาภายในบ้าน สารเคลือบผิว รวมถึงของใช้และของตกแต่ง ก็จะถูกหมุนเวียนออกไปด้วย ลดความเข้มข้นของสารเคมีให้เจือจางลง ลดผลกระทบต่อสุขภาพได้ในระยะยาว เพราะหากเกิดการสะสมสารเคมีมากๆ อาจทำให้เกิดอาการแสบตาและคัดจมูกได้
 
 
7. เสียงดังรบกวน ทำเครียด อารมณ์เสีย
 
เชื่อว่าเรื่องมลพิษทางเสียง เป็นอีกปัญหาที่หลายคนกำลังเจออยู่ เสียงที่ดัง นอกจากจะทำให้สะดุ้งตกใจแล้ว ถ้าฟังไปนานๆ เราจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ส่งผลต่อการทำงาน อ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง หรือทำให้นอนไม่หลับ 
 
เสียงมีผลต่อการรับรู้ของสมองและร่างกายโดยตรง ถ้าเสียงที่ได้ยินนั้นอยู่ในช่วงที่ดีต่อการรับรู้ของสมอง ก็จะทำให้มีสมาธิและผ่อนคลาย แต่หากเป็นเสียงดังเกินไป หรือที่เรียกว่า “เสียงรบกวน” ก็จะมีผลต่อความรู้สึก ระบบประสาท และสุขภาพของเราไปด้วย 
 
โดยหลักๆ บ้านของเราจะมีเสียงดังรบกวนมาจาก 2 แหล่ง คือ เสียงนอกบ้าน ทั้งที่มาจากข้างบ้าน ถนน และเสียงในบ้าน จากห้องติดกันที่ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ห้องดูทีวี ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องน้ำ ซึ่งมีวิธีป้องกันเสียงดังรบกวน ด้วยการ... 
 
การกรองเสียงและป้องกันเสียงจากภายนอกบ้าน:
- การปลูกต้นไม้เป็นแนวเพื่อกรองเสียงรบกวนเข้ามาในบ้าน ซึ่งสามารถช่วยได้ระดับหนึ่ง
- ปิดรูหรือช่องที่ผนัง หลังคา และประตูหน้าต่างเพื่อกั้นเสียง
- เลือกเปิดหน้าต่างในทิศที่ไม่มีเสียงดังรบกวน
 
การป้องกันเสียงจากภายในบ้าน:
- เสียงดังผ่านอากาศ ให้ปิดรู อุดช่องต่างๆ ที่ทำให้เสียงลอดเข้ามาได้ เช่น ช่องว่างใต้ประตู
- เสียงดังผ่านผนัง พื้น เสียงที่ผ่านมาทางโครงสร้าง ควรแยกห้องที่เสียงดังให้อยู่ห่างห้องอื่นๆ และจัดกลุ่มห้องที่ไม่ต้องการเสียงไปอยู่ด้วยกัน เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน 
- ลดเสียงจากการกระแทกต่างๆ เพื่อไม่ให้เสียงเดินดังรบกวน เช่น การปูพรมตรงทางเดิน

 

8. ปลั๊กไฟใกล้ที่นอนทำลายสมอง

เรื่องการวางตำแหน่งติดตั้งปลั๊กไฟ มีผลต่อสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Field: EMF) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีงานวิจัยระดับสากลที่เชื่อถือได้ ระบุเอาไว้ว่าคลื่นดังกล่าวมีผลต่อสุขภาพและการทำงานของสมอง 

 

สนามแม่เหล็กไฟฟ้านั้น สามารถเกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะ คือ 

- เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ได้แก่ สนามแม่เหล็กโลก คลื่นรังสีจากแสงอาทิตย์ คลื่นฟ้าผ่า คลื่นรังสีแกมมา

- เกิดขึ้นจากการสร้างของมนุษย์ แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด คือ สนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่จงใจสร้างให้เกิดขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ และเกิดขึ้นเองจากการใช้งานอุปกรณ์

 

การออกแบบจึงต้องมีการกำหนดระยะการติดตั้งปลั๊กไฟตามระยะที่คลื่นมีอิทธิพลต่อสมอง โดยติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าต่อไปนี้ให้ห่างจากจุดที่เราต้องการพักผ่อนหรือหัวนอนไม่น้อยกว่าระยะที่กำหนด ดังนี้ 

 

0.15 ม. – เครื่องเล่นเพลง, จอคอมพิวเตอร์, ตู้เย็น 

0.30 ม. – พัดลม เครื่องปรับอากาศ คอมพิวเตอร์ เครื่องชงกาแฟ เครื่องอบผ้า เครื่องเป่าผม 

0.60 ม. – โทรทัศน์ ไฟส่องสว่าง เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องซักผ้า เตาอบ เครื่องปิ้งขนมปัง เครื่องปั่นอาหาร เครื่องโกนหนวดไฟฟ้า 

1.20 ม. – โทรศัพท์ไร้สาย โทรศัพท์มือถือ แทปแล็ต เครื่องส่งสัญญานอินเตอร์เน็ต เตาไมโครเวฟ เครื่องล้างจาน

 

9. ปิดบ้านมืด เสี่ยงซึมเศร้า

บางคนชอบที่จะปิดบ้านมืดๆ เพื่อสร้างบรรยากาศหรือสร้างสมาธิในการทำงาน แต่...ความจริงแล้ว ผลลัพธ์อาจจะตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ​

 

การปิดบ้านมืดไม่ให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาบ้างนั้น เกิดผลเสียมากมาย อาจจะทำให้รู้สึกซึมลง ไม่กระปรี้กระเปร่า คิดอะไรไม่ออก นอนหลับกลางคืนไม่ดี เนื่องจากแสงธรรมชาติที่มีช่วงคลื่นแสงสีฟ้า (Blue light) เมื่อมีสัดส่วนที่เหมาะสมจะสามารถบำบัดโรคซึมเศร้าหรืออารมณ์ผันแปรตามฤดูกาล (Seasonal Affective Disorder (SAD) ​

 

Ancoli-Israel S, 2003 พบว่า แสงธรรมชาติในตอนเช้าช่วยชะลออาการกระวนกระวายในผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer) สอดคล้องกับงานวิจัยของ Mishima K,1994 พบว่า แสงในช่วงเช้าสามารถบำบัดอาการนอนไม่หลับของผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม (Dementia) ในผู้สูงอายุ (Anne-Marie Gagné, 2011) การที่เราได้สัมผัสแสงธรรมชาติ นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัวในการทำงาน รวมทั้งมีผลดีต่อการผ่อนคลายความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานแล้ว ยังช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายสามารถนอนหลับตอนกลางคืนได้ดีขึ้นอีกด้วย ​

 

ยังมีงานวิจัยที่ระบุอีกว่า หากระหว่างวันไม่ได้รับแสงธรรมชาติ หรือแสง daylight (ประมาณ 5000-6500 K) จะส่งผลให้วัฏจักรนาฬิกาชีวภาพช้าลง 1.1 ชั่วโมงในทุกๆ 24 ชั่วโมง อันเนื่องมาจากการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินผิดเวลา ทำให้นอนหลับยากขึ้น นอกจากนี้ “แสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวการที่จะไปยับยั้ง หรือชะลอการหลั่งของฮอร์โมนเมลาโทนินอีกด้วย

 

10. หันบ้านผิดทิศ ร้อนทั้งปีทั้งชาติ

ส่วนใหญ่คนเราจะรู้สึกสบาย หรือที่เรียกว่า “สภาวะน่าสบาย” เมื่ออุณหภูมิอากาศอยู่ที่ 22-27 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศอยู่ที่ 20-75% RH แต่สภาพอากาศในบ้านเราอย่างที่รู้กัน ไม่ได้อยู่ในช่วงอุณหภูมิดังกล่าว การออกแบบบ้านให้ถูกทิศเพื่อหลบแดด รับลม จึงเป็นทางออกที่จะช่วยให้บ้านเย็นสบายขึ้นได้ 

 

สิ่งแรกที่เราต้องดูคือ “ลมประจำ” พัดมาจากทางทิศไหน? ซึ่งปกติจะมีทิศทางที่ลมพัดประจำอยู่ 2 ช่วงของปี คือ 

- ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – กันยายน ลมประจำอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ 

- ช่วงเดือนตุลาคม – มกราคม ลมประจำอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือ 

 

นอกจากทิศลมประจำแล้ว สภาพภูมิประเทศที่บ้านเราตั้งอยู่ก็มีผล อย่างเช่น ติดภูเขา แม่น้ำ หรืออาคารสูงรึเปล่า? เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวแปรที่ทำให้ทิศทางของลมเปลี่ยนไป

 

ต่อมามาดูเรื่องแสงแดด เพราะการขึ้น-ลงของดวงอาทิตย์มีผลต่อความร้อนโดยตรง แต่ละวันแสงแดดตอนเช้าเริ่มจากทางทิศตะวันออก อ้อมเอียงไปทางทิศใต้ (หรือเหนือ) และเอียงต่ำทางทิศตะวันตกในตอนเย็น

- แดดอ้อมไปทางทิศเหนือ ช่วงเดือนพฤษภาคม – สิงหาคม (4 เดือน)

- แดดอ้อมไปทางทิศใต้ ช่วงเดือนมกราคม – เมษายน และเดือนกันยายน – ธันวาคม (8 เดือน)

 

การเอียงทำมุมกับอาคารนี้เองที่มีผลต่อการถ่ายเทความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน หากเราเข้าใจจะสามารถหันทิศทางอาคารในทิศที่โดนแดดน้อยได้ หรือการบังแดดในทิศที่ได้รับอิทธิพลจากแสงแดดโดยตรง 

 

การวางอาคารนั้น ต้องให้ห้องที่ใช้ประจำหันไปทางทิศเหนือและมีพื้นที่ต่อเนื่องไปทางทิศใต้ เพราะทิศเหนือเป็นทิศที่มีแสงสว่างตามธรรมชาติ โดยไม่มีแสงแดดเข้ามาตลอดทั้งวัน ทำให้เวลากลางวันมีแสงสว่างโดยไม่ต้องเปิดไฟ และยังเป็นการเปิดรับแสงธรรมชาติ สามารถลดแนวโน้มภาวะเครียด ซึมเศร้า ให้คนในบ้านได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังช่วยรับลมประจำจากทั้ง 2 ทิศทาง โดยช่วงฤดูหนาวจะมีลมประจำทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนช่วงฤดูร้อนจะมีลมประจำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้

 

อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่ https://risc.in.th/th/knowledge/10-issues-in-your-home-that-could-harm-your-physical-or-mental-well-being-1

ติดตาม Facebook Page ของเราได้ที่ RISC Well-Being: https://www.facebook.com/riscwellbeing/

แนะนำสำหรับคุณ

"วัสดุก่อสร้างจากเถ้าชีวมวล" ทางเลือกใหม่ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน
Materials & Resources

"วัสดุก่อสร้างจากเถ้าชีวมวล" ทางเลือกใหม่ในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Photocatalytic Coating นวัตกรรมเคลือบผิววัสดุ เปลี่ยนมลพิษให้ดีต่อลมหายใจ
Materials & Resources

Photocatalytic Coating นวัตกรรมเคลือบผิววัสดุ เปลี่ยนมลพิษให้ดีต่อลมหายใจ

พรมที่่ต้องการทิ้ง ชุบชีวิตมาใช้ใหม่กันเถอะ
Materials & Resources

พรมที่่ต้องการทิ้ง ชุบชีวิตมาใช้ใหม่กันเถอะ

"Low Carbon Materials" ทางเลือกเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
Materials & Resources

"Low Carbon Materials" ทางเลือกเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์

เลือกไม้อย่างไร? ให้ไม่ขึ้นรา
Materials & Resources

เลือกไม้อย่างไร? ให้ไม่ขึ้นรา

หน้าฝนไม่ลื่นไม่ไถล วัสดุพื้นแบบไหนที่ช่วยกันลื่นได้?
Materials & Resources

หน้าฝนไม่ลื่นไม่ไถล วัสดุพื้นแบบไหนที่ช่วยกันลื่นได้?

นวัตกรรมการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง
Materials & Resources

นวัตกรรมการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง

เลือกใช้ฉนวนกันความร้อนแบบไหนถึง Well-being?
Materials & Resources

เลือกใช้ฉนวนกันความร้อนแบบไหนถึง Well-being?

ฤดูร้อนนี้ไม่ต้องยืนมองฟ้า แค่หา "ฉนวนกันความร้อน" มาใช้
Materials & Resources

ฤดูร้อนนี้ไม่ต้องยืนมองฟ้า แค่หา "ฉนวนกันความร้อน" มาใช้

ส่อง 5 เทรนด์วัสดุรักษ์โลก 2024
Materials & Resources

ส่อง 5 เทรนด์วัสดุรักษ์โลก 2024