"Health & Safety Materials" วัสดุที่ใช้ ยิ่งสุขภาพดี

เขียนบทความโดย RISC | 2 ปีที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว

รู้หรือไม่? สุขภาพและความปลอดภัยภายในบ้าน ช่วยได้จากการเลือกวัสดุ!​

เรื่องสุขภาพ การเจ็บป่วย และความปลอดภัยภายในบ้าน เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่เราต้องใส่ใจ ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะไม่ยากอีกต่อไป ถ้าเราเลือกวัสดุที่เหมาะสมเข้ามาใช้ในบ้านของเรา

อาการเจ็บป่วย บางครั้งเราอาจจะเข้าใจว่าเกิดจากสภาวะภายนอกบ้านของเรา แต่จริงๆ หลายครั้งอาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น อาจมาจากวัสดุภายในบ้านของเราเองก็ได้...แล้ววัสดุอะไรที่เลือกใช้แล้วดีต่อสุขภาวะของคนบ้าน ไม่ทำให้เจ็บป่วย?

อย่างแรกเรามาพูดถึงวัสดุที่เกี่ยวกับคุณภาพอากาศกันก่อน เพราะเราทุกคนต้องหายใจ อากาศที่ดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ

สีทาบ้านเป็นวัสดุที่บ้านแทบทุกหลังต้องใช้ ซึ่งอันตรายที่ซ่อนมากับสีทาบ้านนั้น ก็จะเป็น VOCs หรือ Volatile Organic Compounds สารอินทรีย์ระเหยง่ายที่ส่งผลโดยตรงกับร่างกายเรา โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แต่ปัจจุบัน ก็มีนวัตกรรมที่ทำให้สีทาบ้านปลอดภัยมากขึ้น ไร้กลิ่น มีค่า VOCs ต่ำ สามารถขจัดสารก่อมะเร็งในอากาศได้ตลอด 24 ชั่วโมง มี Microban ที่ช่วยป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย แถมผ่านการรับรองมาตรฐานสากล "Sensitive Choice" โดยสถาบัน โรคหอบหืดแห่งประเทศออสเตรเลีย (National Asthma Council Australia) ว่าไม่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจ ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง และยังช่วยลดอาการภูมิแพ้จากสารฟอร์มาลดีไฮด์ เหมาะกับอาคารที่ต้องการผ่านมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) ทั้งอาคารเขียวของไทย (TREES) และสหรัฐอเมริกา (LEED)

นอกจากสีแล้ว ก็มีกระเบื้องตกแต่งที่สามารถดูดสารพิษและความชื้นให้เราได้ เป็นนวัตกรรมจากญี่ปุ่นที่พัฒนาวัสดุให้มีรูพรุนขนาดเล็กเพียง 1 นาโนเมตร บวกกับภายในเนื้อกระเบื้องก็ทำมาจากดินและเถ้าภูเขาไฟ จึงทำให้ดูดซับความชื้นที่เป็นสาเหตุของเชื้อรา และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ที่สำคัญสามารถดูดซับสารฟอร์มาลดีไฮด์ และ VOCs ได้ด้วย โดยตัวกระเบื้องจะดูดซับและกักเก็บความชื้นและกลิ่นต่างๆ ไว้ในรูพรุนเล็กๆ นั่นเอง

เมื่อพูดถึงสารฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เราอาจจะคุ้นเคยกับคำนี้ แต่จะมีกี่คนที่รู้ว่าเป็นสารที่มีอันตรายขนาดไหน โดยฟอร์มาลดีไฮด์เป็นก๊าซไม่มีสี มีความเป็นพิษ สามารถปนเปื้อนได้ในอากาศ นิยมใช้ในอุตสาหกรรมสี สารเคลือบเฟอร์นิเจอร์ไม้ ไม้อัดและไม้แปรรูปอื่นๆ และถูกนำมาใช้เป็นน้ำยารักษาเนื้อไม้ เพื่อป้องกันปลวกและแมลงต่างๆ โดยเฉพาะในการทำตู้ โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงสิ่งทอและที่นอนไม่ได้มาตรฐาน วิธีสังเกตง่ายๆ ว่ามีสารตัวนี้อยู่หรือไม่ เวลาซื้อเฟอร์นิเจอร์ไม้เข้าบ้าน ถ้ามีกลิ่นฉุนของใหม่ นั่นแหล่ะคือ สารฟอร์มาลดีไฮด์

สารฟอร์มาลดีไฮด์ หากสูดดมเข้าไปในปริมาณที่มาก อาจเกิดอาการเป็นพิษเฉียบพลัน ปวดท้อง อาเจียน อุจจาระร่วงและหมดสติหรือถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด แต่ถ้าสูดดมในปริมาณที่ไม่มากนัก อาจเกิดอาการระคายเคืองตา แสบจมูก ซึ่งในระยะยาว จะทำให้เกิดผลเสียกับระบบร่างกายต่างๆ และยังก่อให้เกิดมะเร็งได้อีกด้วย

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร? ว่าเฟอร์นิเจอร์ปลอดจากสารฟอร์มาลดีไฮด์ ​

ให้สังเกตสัญลักษณ์มาตรฐานการวัดค่าสารฟอร์มาลดีไฮด์ European formaldehyde emission Standards ที่เป็นตัว E ซึ่งแบ่งเป็น 4 ระดับ ​

E2 ระดับที่ปลอดปล่อยสารที่อันตรายกับผู้ใช้  ​
E1 มาตรฐานสากลสำหรับพื้นไม้และเฟอร์นิเจอร์มีสารฟอร์มาลดีไฮด์ ไม่เกิน 0.75 ppm​
E0 มาตรฐานขั้นสูงมีสารฟอร์มาลดีไฮด์ไม่เกิน 0.07 ppm ​
Super E0 ไม่พบสารฟอร์มาดีไฮด์เลย

ต่อมาเรามาดู "วัสดุเพื่อสุขภาพและปลอดภัย" กันบ้าง โดยเริ่มที่กระเบื้องวัสดุยอดนิยมกันก่อนเลย

ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคระบาด จึงทำให้ผู้ผลิตมาให้ความสำคัญกับวัสดุที่ตอบโจทย์กับเรื่องนี้ โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต หรือใส่สารซิลเวอร์นาโน (Silver Nano) ผสมลงในเนื้อสีกระเบื้อง จนได้กระเบื้องที่สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้หลากหลายชนิด ผ่านการรับรองทั้งจากในประเทศไทยและญี่ปุ่น

นอกจากกระเบื้องแล้ว ก็ยังมีเคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์ ที่ผ่านการรับรอง NSF 51 Certificated ปลอดภัยสำหรับการสัมผัสกับอาหาร (Food Grade) ซึ่งสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย ถูกสุขอนามัยไม่มีอันตรายจากการสารเรดอน สารกัมมันตรังสีที่เป็นหนึ่งปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอด หรือบางผลิตภัณฑ์ก็ยังเพิ่มเติมคุณสมบัติในเรื่องของการยับยั้งเชื้อราและแบคทีเรียอีกด้วย

จบเรื่องของสุขภาพ เรามาดูที่เรื่อง "วัสดุเพื่อความปลอดภัย" กัน อย่างพื้นที่สามารถลดแรงกระแทกได้

สำหรับบ้านที่มีผู้สูงวัย ต้องบอกเลยว่าพื้นแบบนี้เหมาะอย่างมากที่จะนำไปใช้ในบ้าน เพราะเรื่องหกล้ม ลื่นล้ม เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมากที่สุดในผู้สูงวัย ซึ่งผลที่ตามมาไม่ใช่แค่บาดเจ็บ แต่ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจหากผู้สูงวัยไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

นวัตกรรมวัสดุปูพื้นในปัจจุบัน จึงมีการออกแบบให้พื้นนั้นสามารถดูดซับและลดแรงกระแทกเมื่อเกิดการหกล้มทำให้ลดโอกาสเสี่ยงกระดูกหักได้ และยังรองรับกับสรีระ เสริมสร้างความมั่นคงในการยืน ลดอาการเมื่อยล้าหากต้องยืนเป็นเวลานานๆ โดยวัสดุส่วนใหญ่จะทำมาจากแผ่นยาง EPDM ที่มีความยืดหยุ่น ทนทานต่อการใช้งานสูง ทนความชื้นและรังสี UV ที่สำคัญสามารถนำไปปูพื้นได้ทั้งภายนอกและภายในบ้าน

เนื้อหาโดย คุณ ทิพทับทิม ภูมิพาณิชย์ สถาปนิกวิจัยอาวุโส Sustainable Building Materials, RISC