RISC

Smart City for Sustainable Development

เขียนบทความโดย RISC | 5 ปีที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว

2060 viewer

จากการวิเคราะห์แนวโน้มของโลก (Global Mega Trends) พบว่า การเจริญเติบโตของประชากรโลก (World Population Growth) การขยายตัวของเขตชุมชนเมือง (Urbanization Expansion) และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) นั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อภาวะการขาดแคลนทรัพยากรอาหารและน้ำ พื้นที่ธรรมชาติและพื้นที่เกษตรกรรมถูกรุกราน การคุกคามจากภัยพิบัติธรรมชาติมีความถี่และรุนแรงมากขึ้น กระทบต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นสำหรับผู้ที่มองเห็นถึงอนาคตจะต้องมีการวางกลยุทธ์รองรับ และตัดสินใจเลือกทิศทางการพัฒนา “บ้านหลังเล็ก” ที่ไม่เพียงพึ่งพาอาศัย แต่ยังเยียวยา “บ้านหลังใหญ่” ได้ ก่อให้เกิดสมดุลยภาพระหว่าง สภาพแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

บ้านหลังเล็ก ในที่นี้มิได้หมายความเพียงแค่บ้านเท่านั้น แต่หมายรวมถึงแหล่งพำนักอาศัยและแหล่งอาชีพ ที่เราสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ จากบ้าน สู่หมู่บ้าน สู่เมือง สู่ประเทศ ไปจนถึงโลกที่เป็นบ้านหลังใหญ่สุดของพวกเรา ปัจจุบันมีหลายหัวเมืองใหญ่ที่มีการวางแผนพัฒนาเมืองอย่างชาญฉลาดและได้เริ่มดำเนินการพัฒนาเข้าสู่การเป็นเมือง Smart City แล้ว ซึ่งมีแนวคิดในการพัฒนาอย่างยั่งยืน การเพิ่มคุณภาพชีวิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มีองค์ประกอบสำคัญคือ ระบบผลิตพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานความร้อนใต้พิภพ ระบบโครงข่ายคมนาคมขนส่งประสิทธิภาพสูงและสถานีประจุเชื้อเพลิงพลังงานสะอาด ระบบโครงข่ายสาธารณูปโภคอัจฉริยะที่เชื่อมโยงเข้ากับระบบเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ อาคารและบ้านอัจฉริยะ และระบบควบคุมจัดการพลังงาน ความปลอดภัย รวมถึงระบบการบำบัดและกำจัดของเสีย ตัวอย่างเมืองที่เริ่มมีการวางแผนพัฒนาเป็น Smart City ได้แก่ San Francisco, Amsterdam, Tokyo, Xinjiang, Seattle, Copenhagen, Stockholm, Vienna, New York และ Santiago เป็นต้น

นอกจากนี้ ภายในอีก 2 ปีข้างหน้า (พ.ศ. 2558) ประเทศในเอเชียหลายประเทศมีเป้าหมายเปิดตัว Smart City อย่างเป็นทางการ ยกตัวอย่างประเทศที่โดดเด่น ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน

 

 

 

 

 

ประเทศญี่ปุ่นส่ง 4 เมืองต้นแบบ คือ City of Yokohama, Toyota City, Keihanna และ City of Kitakyushu เป็นเมืองนำร่องในการพัฒนาโครงการ Smart Cities อย่างเต็มรูปแบบ โดยเกิดจากความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนทุกภาคส่วน ทั้งผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติและพลังงานสะอาด ผู้ผลิตและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้ผลิตและพัฒนาการก่อสร้างอาคารและบ้านสำเร็จรูป ผู้ผลิตและพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าและสื่อสาร และผู้ให้บริการระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ มีเป้าหมายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้โครงการนี้เดินหน้าอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกัน เกาหลีใต้เสนอเมือง Songdo IBD (International Business District) ที่มีความยั่งยืนทางด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นศูนย์กลางธุรกิจการค้า การลงทุน และการเดินทางแห่งใหม่ของโลก ด้วยตำแหน่งที่ตั้งใกล้กับสนามบินอินชอน จุดเด่นสำคัญคือการสร้างอาคารและสถานที่ซึ่งเป็น Land Mark แห่งใหม่ และการรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยสามารถเชื่อมต่อกันได้ทุกจุดทุกสถานที่ในชุมชนเมืองด้วยเครือข่ายเดียวกันผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ทั้งไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ และการจราจร เป็นต้นแบบของ Connected Community เพื่อการใช้ชีวิตอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ล้ำสมัย และมีคุณภาพ

ตัวอย่างสุดท้ายคือ Tianjin Eco-City ในประเทศจีน เป็นโครงการพัฒนาเมืองนิเวศน์แห่งอนาคตที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่างประเทศสิงคโปร์และจีน มีการสร้างโมเดลของการพัฒนาที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับชุมชนทุกขนาด โดยแต่ละชุมชนย่อยจะมีระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น และพื้นที่สีเขียวซึ่งสามารถเข้าถึงได้ง่ายภายในระยะเดินเท้าและจักรยาน การเดินทางระหว่างชุมชนถูกเชื่อมโยงด้วยระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าแบบรางเบา (Light Rail System) และด้วยข้อจำกัดของสภาพพื้นที่จึงต้องมีการใช้เทคโนโลยีบำบัดและหมุนเวียนทรัพยากรน้ำประสิทธิภาพสูง ร่วมกับการผลิตน้ำประปาด้วยน้ำฝนและน้ำทะเล มีการวางเป้าหมายว่าจะพัฒนาครบทุกภาคส่วนภายในปี พ.ศ. 2558 และจะเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2563

Smart City เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งของการพัฒนาเมืองเท่านั้น แต่ละประเทศจะต้องพิจารณาเลือกรูปแบบที่สอดรับตามแนวทางของแต่ละเมือง สอดคล้องกับปัจจัยธรรมชาติและวิถีการดำเนินชีวิต พร้อมด้วยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อกำหนดแผนและสร้างแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เหมาะสม โดยยึดถือแนวคิดของการพึ่งพาตนเอง การแบ่งปัน และการมีส่วนร่วม สิ่งสำคัญคือเมื่อได้แนวทางแล้วนั้น ทุกฝ่ายต้องมุ่งมั่น เดินหน้าพัฒนา และลงมือทำอย่างจริงจังร่วมกัน

 

สริธร อมรจารุชิต (Saritorn Amornjaruchit)

ฝ่ายวิจัยและพัฒนา

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น จำกัด  (กลุ่มบริษัท ดีที)

 

แนะนำสำหรับคุณ

ทำไมปีนี้ไม่ร้อนเท่าปีก่อน?
Resilience

ทำไมปีนี้ไม่ร้อนเท่าปีก่อน?

การประเมินพื้นที่ด้วย GIS ส่งเสริมสุขภาวะที่ดี
Resilience

การประเมินพื้นที่ด้วย GIS ส่งเสริมสุขภาวะที่ดี

การเตรียมพร้อมกรณีฉุกเฉิน เตรียมตัวอย่างไรให้รอด พร้อมตั้งรับภัยพิบัติ
Resilience

การเตรียมพร้อมกรณีฉุกเฉิน เตรียมตัวอย่างไรให้รอด พร้อมตั้งรับภัยพิบัติ

แผ่นดินไหวไม่ได้เกิดครั้งแรก แต่ทำไมรอบนี้เสียหายเยอะ?
Resilience

แผ่นดินไหวไม่ได้เกิดครั้งแรก แต่ทำไมรอบนี้เสียหายเยอะ?

Resilience “Shock & Stress” Framework เครื่องมือที่จะทำให้เราพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ
Resilience

Resilience “Shock & Stress” Framework เครื่องมือที่จะทำให้เราพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ

มาตรฐานการออกแบบอาคาร เพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว
Resilience

มาตรฐานการออกแบบอาคาร เพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว

หมดฝนแล้ว ปีนี้จะหนาวมั้ย?
Resilience

หมดฝนแล้ว ปีนี้จะหนาวมั้ย?

เอลนีโญและลานีญาส่งผลกับประเทศไทยอย่างไร
Resilience

เอลนีโญและลานีญาส่งผลกับประเทศไทยอย่างไร

มาส่องต่างประเทศใช้ "เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ" รับมือกับน้ำท่วมกัน
Resilience

มาส่องต่างประเทศใช้ "เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ" รับมือกับน้ำท่วมกัน

"โอโซน" มิตรร้ายกับภาวะโลกร้อน
Resilience

"โอโซน" มิตรร้ายกับภาวะโลกร้อน