"ASMR" ศาสตร์แห่งการบำบัดด้วยเสียง
เขียนบทความโดย RISC | 3 ปีที่แล้ว
แก้ไขล่าสุด : 1 ปีที่แล้ว
ความเครียดที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เจอรอบตัว และแม้แต่จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เป็นสิ่งที่หลายคนกำลังเจอ ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีในการผ่อนคลายที่แตกต่างกันออกไป แต่บางคนอาจไม่สามารถทำได้ จนสุดท้ายกลายเป็นส่งผลต่อการนอน
การใช้ “ศาสตร์ของเสียง” เข้ามาช่วยในเรื่องนี้ จึงเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด ที่ใครๆ ก็สามารถเข้าถึงได้ และใกล้ตัวกว่าที่เราคิด ซึ่งศาสตร์ที่ว่าก็คือ “Autonomous sensory meridian response” หรือที่เราคุ้นหูคุ้นตากันว่า “ASMR” การตอบสนองของระบบประสาทต่อการถูกกระตุ้นไม่ว่าจะเป็น เสียง การสัมผัส การมองเห็น อย่างอัตโนมัติ โดยผู้ถูกกระตุ้นจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลายตามมา ซึ่งรูปแบบที่นิยมจะเป็นเสียง ทั้งเสียงเลียนแบบธรรมชาติ อย่างเสียงฝนตก เสียงลม เสียงคลื่นทะเล หรือจะเป็นเสียงจากกิจกรรมต่างๆ เช่น การเคี้ยวอาหาร แคะหู หรือขยำกระดาษ เสียงเหล่านี้จะถูกนำมาประกอบกับความถี่ของคลื่นสมองตั้งแต่คลื่นเดลต้าไปจนถึงคลื่นอัลฟ่า ทำให้เรารู้สึกสงบผ่อนคลายและลดความเครียด อ้างอิงได้จากงานวิจัยมากมาย อย่างเช่น...
งานวิจัยปี 2015 ของสาขาวิชาจิตวิทยาจาก Swansea University ประเทศสหราชอาณาจักร พบว่า 80% ของผู้ร่วมตอบแบบสอบถามพบว่า การฟังเสียง ASMR 3 ชั่วโมงช่วยลดอารมณ์ด้านลบ และมีผลช่วยให้อาการซึมเศร้าลดลงอีกด้วย นอกจากนี้อีก 38% รายงานว่ามีอาการปวดแบบเรื้อรัง (Chronic pain) ลดลงอีกด้วย
และงานวิจัยปี 2018 ของสาขาวิชาจิตวิทยาจาก University of Sheffield สหราชอาณาจักร ได้ทำการทดลองอาสาสมัคร โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ดูคลิป ASMR และกลุ่มที่ดูคลิปที่ไม่ใช่ ASMR พบว่าในด้านกายภาพกลุ่มที่ดูคลิป ASMR มีอัตราการเต้นของหัวใจลดลงเฉลี่ย 3.14 bpm และรู้สึกสงบและผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ดู
นอกจากนี้ ASMR ในหลายๆ คลิปยังใช้การเสียงเลียนธรรมชาติรูปแบบต่างๆ อย่าง White Noise มาทำเป็น Background noise ที่ช่วยกระตุ้นระบบความจำ และทำให้นอนหลับได้ดีอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน AMSR ในรูปแบบต่างๆ สามารถฟังและรับชมได้ง่ายขึ้น จากแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ต่างๆ มากมาย เรียกได้ว่า ใครเครียด นอนไม่หลับ เปิดฟังปุ๊บ ก็หลับปั๊บได้ทันที
จะเห็นได้ว่า เสียงสามารถส่งเสริมการทำงานของสมอง และสุขภาพจิตได้ แต่ก็ควรคำนึงถึงระดับความดังของเสียงที่เหมาะสม เพราะหากดังเกินไป อาจกลายเป็น “เสียงรบกวน” แทน ทำให้เราไม่มีสมาธิ นอนหลับยาก ส่งผลให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนความเครียดหรือ “คอร์ติซอล (cortisol)” มากขึ้น แต่หากเราปรับใช้อย่างถูกวิธี เสียงก็เป็นสิ่งดีๆ ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยเช่นกัน
เนื้อหาโดย: จิราภา หอบรรลือกิจ นักวิจัยและการสื่อสาร RISC
ที่มาจาก PeerJ.com, Plos.org, Behavioral and Brain Functions, PubMed.gov, Sleep Foundation