RISC

Daylight: เปิดพื้นที่รับแสงธรรมชาติเพ่ื่อสุขภาวะที่ดี

เขียนบทความโดย RISC | 5 ปีที่แล้ว

แก้ไขล่าสุด : 2 ปีที่แล้ว

1203 viewer

มีหลายงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าการที่ได้รับแสงธรรมชาตินั้น มีผลต่อกระทบอย่างมากต่ออารมณ์ ระบบนาฬิกาชีวิต และการทำงานของสมอง เช่น การได้รับแสงธรรมชาติที่ไม่เพียงพอส่งผลต่อคุณภาพการนอน ห้องพักของผู้ป่วยที่มีสภาวะซึมเศร้ารุนแรงและผู้ป่วยที่พักฟื้นอาการหลังจากภาวะหัวใจวาย หากมีหน้าต่างบานใหญ่และได้รับแสงธรรมชาติ จะช่วยลดเวลาในการพักฟื้นสำหรับผู้ป่วยได้ การได้รับแสงธรรมชาติอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมงช่วยลดความเครียดของพยาบาลที่ทำงานในโรงพยาบาลได้ ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างเพียงบางส่วนของงานวิจัยที่พูดถึงประโยชน์จากการได้รับแสงธรรมชาติ

การออกแบบอาคารมีส่วนสำคัญอย่างมากต่อปริมาณแสงที่จะเข้าสู่อาคาร ในบริบทของเมืองร้อนอย่างเมืองไทย ผู้ออกแบบต้องมีความเข้าใจในการนำแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ภายใน ขณะเดียวกันต้องหลีกเลี่ยงการนำความร้อนจากแสงแดดเข้าสู่อาคารเช่นกัน การคำนวนหรือการใช้โปรแกรม simulation ก็จะช่วยให้เราทราบได้แม่นยำขึ้นว่าอาคารที่ออกแบบนั้นตอบสนองต่อแสงในแต่ละฤดูกาลอย่างไรบ้าง เทคนิคต่างๆ เช่น การวางทิศทางอาคาร การกำหนดสัดส่วนพื้นที่ช่องเปิดอาคาร/พื้นที่ปิด, การออกแบบแผงบังแดด, การเลือกกระจกที่กันความร้อนและกรองแสงได้ดี ทั้งหมดนี้ช่วยนำแสงธรรมชาติเข้าสู่อาคารได้อย่างเหมาะสม

การออกแบบแสงธรรมชาติที่ดี จะส่งผลต่อผู้ใช้อาคาร ทั้งทางกาย จิตใจ และระบบนาฬิกาชีวภาพ (circadian system) มีผลต่ออารมณ์ ความพึงพอใจของการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งยังสร้างประสบการณ์ที่ดีของการใช้อาคารนั้นๆ อีกด้วย

เรื่องของแสงเพื่อสุขภาวะยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ ติดตามได้ในโพสต์ต่อๆ ไปนะครับ

ผู้เขียน/เรียบเรียง: วสุธา เชน, สถาปนิกวิจัยอาวุโส RISC

แนะนำสำหรับคุณ