Love is in the Air อากาศดี สร้างสุขภาพดี เพื่อคนที่เรารัก
โดย RISC | 9 เดือนที่แล้ว
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์มาถึง บรรยากาศแห่งความรักก็เริ่มอบอวนไปทั่ว หลายคนเลือกจะมอบดอกไม้หรือให้ช็อกโกแลตที่หวานชื่นกับคนรัก แต่อีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ ก็คือ การได้ดูแลรักษาสุขภาพของเราและคนที่เรารักให้ดีที่สุด โดยเฉพาะคุณภาพของอากาศภายในบ้าน ที่ส่วนใหญ่เรามักจะมองข้ามเรื่องนี้กันรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วอากาศที่เราหายใจเข้าไป ภายในอาคารกลับมีมลพิษมากกว่าอากาศภายนอกถึง 2-5 เท่ามลพิษทางอากาศเป็นภัยคุกคามที่เงียบงัน มองไม่เห็น และแฝงตัวอยู่ในบ้านของเราตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง PM2.5, สารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOC) และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ จากการศึกษางานวิจัยหลายชิ้นได้เผยให้เห็นว่า คุณภาพอากาศที่ไม่ดี สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพมากมาย ตั้งแต่การไอ จาม คัดจมูก ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง ส่งผลให้เกิดความไม่สบาย ใช้ชีวิตได้ไม่เต็มที่ นอนหลับยาก นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายตามมา อย่างเช่น ฝุ่นละออง PM2.5 ที่มีงานวิจัยบ่งชี้ว่า เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) และโรคมะเร็งปอด (Lung cancer) ได้คุณภาพอากาศภายในอาคารไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราได้อีกด้วย โดยมีงานวิจัยนึงที่ระบุว่า คุณภาพอากาศที่ไม่ดีสามารถส่งผลต่อความเหนื่อยล้า ปวดศีรษะ ไปจนถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าได้เช่นกันเราคงเห็นกันแล้วว่า คุณภาพอากาศที่ไม่ดีนั้นส่งผลอย่างไรกับเรากันบ้าง การให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพอากาศ จึงเป็นสิ่งที่ต้องทำและไม่ยุ่งยากหรือต้องใช้เทคโนโลยีแพงๆ เสมอไป เช่น...• เปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท: แม้จะเป็นช่วงที่มีฝุ่นละออง PM2.5 การเปิดหน้าต่างระบายอากาศเป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน เพื่อลดการสะสมมลพิษอากาศในอาคาร แต่ต้องดูเรื่องระยะเวลาที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการระบายอากาศมลพิษในอาคาร ไม่ควรเปิดหน้าต่างทิ้งไว้นานเกินไป การเปิดหน้าต่างควรเปิดหน้าต่างอย่างน้อย 2 บานที่อยู่ในตำแหน่งตรงข้ามหรือทะแยงกัน เพื่อให้อากาศมีทางเข้าและออก รวมทั้งการระบายอากาศด้วยการใช้พัดลม ก็จะช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของอากาศภายในห้องให้มากขึ้น หรือถ้าจะลงทุนหน่อย ก็สามารถติดตั้งระบบเติมอากาศ ระบบแลกเปลี่ยนอากาศ (Energy Recovery Ventilator: ERV) พร้อมกับการติดแผ่นกรองฝุ่นก็ยิ่งทำให้ได้อากาศจากภายนอกที่ดีขึ้นเช่นกัน• ทำความสะอาดเพื่อลดการสะสมของมลพิษที่อยู่ในบ้าน: กิจกรรมและสิ่งของที่อยู่ในบ้านสามารถก่อให้เกิดและสะสมของมลพิษในอากาศได้ ซึ่งนอกจากการระบายอากาศแล้ว การทำความสะอาดเป็นประจำก็เป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่กันไปด้วย รวมทั้งการใช้สารทำความสะอาด ก็ควรเลือกสารทำความสะอาดที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง นอกจากนี้ยังต้องหมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศตามรอบ ล้างฟิลเตอร์เป็นประจำ หากมีเครื่องฟอกอากาศ ก็ควรเปลี่ยนฟิลเตอร์เครื่องฟอกอากาศตามรอบด้วยเช่นกัน • เลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสม: เครื่องฟอกอากาศถือเป็นหนึ่งในผู้ช่วยในการจัดการมลพิษต่างๆ ในบ้าน โดยเฉพาะฤดูที่มีฝุ่น PM2.5 ปริมาณสูง โดยการเลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสม ต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ตั้งแต่ขนาดห้อง, อัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR: Clean Air Delivery Rate), เทคโนโลยีการกรองอากาศ รวมทั้งประสิทธิภาพแผ่นกรองอากาศ ที่ควรเป็นแผ่นกรอง HEPA H13 ขึ้นไป เพื่อช่วยกรองฝุ่น PM2.5 และควรมีแผ่นกรอง Activated Carbon เพื่อกรอง VOC กลิ่นต่างๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรนำมาพิจารณาเช่นกัน เช่น เรื่องเสียงดัง, การเชื่อมต่อ Smart Home, การมีเซนเซอร์แสดงค่าคุณภาพ, การกินไฟ, การรับประกัน และการซ่อมแซม สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ควรพิจารณาเครื่องฟอกอากาศที่ได้รับการรับรองจาก Certified asthma & allergy friendly® โดยสามารถดูรายชื่อได้ที่นี่ https://www.asthmaandallergyfriendly.com/USA/products_categories/air-cleaners/• ปลูกต้นไม้ที่ช่วยฟอกอากาศ: แม้ต้นไม้จะไม่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากศเทียบเท่าเครื่องฟอกอากาศ แต่ต้นไม้ถือเป็นตัวช่วยฟอกอากาศอีกทางแบบธรรมชาติ และยังให้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ กับเราได้ ทั้งทำให้ผ่อนคลาย เพิ่มความสวยงาม โดยสามารถดูรายชื่อฐานข้อมูลต้นไม้ฟอกอากาศได้ที่ https://risc.in.th/plants• ตรวจเช็กค่าคุณภาพอากาศนอกบ้านและในบ้าน: การตรวจเช็กค่าคุณภาพอากาศจะช่วยให้เราเลือกตัดสินใจในการใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ตามสภาพคุณภาพอากาศ ณ ช่วงเวลานั้นๆ เช่น ตอนนี้ควรเปิดหน้าต่างหรือไม่, สามารถออกกำลังกายนอกบ้านได้หรือเปล่า หรือควรออกกำลังกายในบ้าน เราสามารถตรวจเช็กค่าคุณภาพอากาศภายนอกได้ จากหลายเว็บไซต์ รวมทั้งแอปพลิเคชัน เช่น https://www.iqair.com/th-en/thailand/bangkok, https://aqicn.org/city/bangkokส่วนการตรวจเช็กคุณภาพอากาศภายในอาคาร หากเครื่องฟอกอากาศมีเซนเซอร์ตรวจวัดอยู่แล้ว สามารถดูค่าคุณภาพอากาศได้จากแถบสี หน้าจอ หรือแอปพลิเคชันของเครื่องฟอกอากาศได้ หรือซื้อเซนเซอร์วัดคุณภาพอากาศในอาคารมาตรวจวัดโดยเฉพาะก็ได้ โดยค่าคุณภาพอากาศในอาคารที่ควรตรวจวัด ได้แก่ ฝุ่น PM2.5, PM10, TVOC และ CO₂เมื่อเราปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในบ้านของเรา เราจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ นอกเหนือจากการลดลงของปัญหาระบบทางเดินหายใจแล้ว เราอาจสังเกตเห็นว่า ตัวเรามีพลังงานมากขึ้น นอนหลับได้ดีขึ้น และรู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า ไม่ต้องรู้สึกระคายเคืองจมูก หรือระบบทางเดินหายใจอากาศที่สดชื่นสามารถช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุขให้กับทุกคนในบ้านได้ การให้ความสำคัญกับอากาศที่สะอาดภายในบ้าน ก็เป็นอีกทางในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความรัก ความสุข และความเป็นอยู่ที่ดี ให้ทุกวันเปี่ยมไปด้วยพลังและความสุขเนื้อหาโดย คุณ เพชรรินทร์ พงษ์เพ็ชรกูล สถาปนิกวิจัยอาวุโส และผู้เชี่ยวชาญระดับ LEED AP BD+C, WELL AP, Fitwel Ambassador, TREES-A NC, ActiveScore AP, RISCอ้างอิงข้อมูลจากWorld Health Organization. (2021). Global Air Quality Guidelines: Particulate Matter (PM2.5 and PM10), Ozone, Nitrogen Dioxide, Sulfur Dioxide and Carbon Monoxide. https://www.who.int/publications/i/item/9789240034228 World Health Organization. (n.d.). Household air pollution and health. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/household-air-pollution-and-health?gclid=CjwKCAiAiP2tBhBXEiwACslfnsFOiv6qpy221c2deEtZKBJxcV7wYg0HuCAtETa_lJq7tKkAhp6NRxoC4DkQAvD_BwE Allergy Standards Limited. (n.d.). Portable air cleaners. Retrieved from https://www.asthmaandallergyfriendly.com/USA/products_categories/air-cleaners/portable-air-cleaners/ IQAir. (n.d.). Air quality in Bangkok. Retrieved from https://www.iqair.com/th-en/thailand/bangkok World Air Quality Index Project. (n.d.). Air quality information for Bangkok. Retrieved from https://aqicn.org/city/bangkok